Introduction:
ในยุคดิจิทัลที่การมองเห็นบนเสิร์ชเอนจินเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในธุรกิจ การทำ SEO จึงกลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม แต่คำถามที่พบบ่อยคือ ทำ SEO ราคาเท่าไหร่? บทความนี้จะตอบคำถามนั้น โดยการเปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจการให้บริการทำ SEO ในไทย พร้อมวิธีการเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมและโปรโมชั่นจาก ninjaseo.online.
บทนำ

กำลังมองหา “ทำ SEO ราคาถูก” อยู่ใช่ไหม? คำตอบสั้นๆ คือ: ทำได้ แต่ต้องคาดหวังผลลัพธ์ตามงบและขอบเขตงาน โดยทั่วไปในตลาดไทย แพ็กเกจเริ่มต้นจากฟรีแลนซ์หรือเอเจนซี่ขนาดเล็กอยู่ที่ราว 5,000–15,000 บาท/เดือนสำหรับงานพื้นฐาน และ 15,000–40,000 บาท/เดือนสำหรับงานต่อเนื่องที่ครอบคลุมมากขึ้น ขณะที่งานเฉพาะทางหรือคีย์เวิร์ดแข่งขันสูงอาจอยู่ที่ 40,000–150,000+ บาท/เดือน
สิ่งที่มัก “ได้” ในงบประหยัด:
– Audit เบื้องต้นและแก้ [On-page SEO](https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/) สำหรับเพจหลักไม่กี่หน้า
– คีย์เวิร์ดรีเสิร์ชแบบโฟกัส
– คอนเทนต์รายเดือนปริมาณน้อย (1–2 ชิ้น) และปรับโครงสร้างภายใน
– ลิงก์ฐานข้อมูล/อ้างอิงพื้นฐาน และรายงานรายเดือน
สิ่งที่มัก “ไม่ได้” หรือควรระวัง:
– การรับประกันอันดับแบบเร็ว (เสี่ยงใช้เทคนิค [SEO สายเทา](https://ninjaseo.online/hire-seo-services-gray-hat/) เช่น ลิงก์สแปมหรือ PBN)
– การปรับเทคนิคเชิงลึกทั้งไซต์ หรือ Link building คุณภาพสูงจำนวนมาก
– ผลลัพธ์ทันที — โดยทั่วไปเริ่มเห็นสัญญาณใน 3–6 เดือน
ราคาแตกต่างตามความยากของอุตสาหกรรม สภาพเว็บเดิม เป้าหมายทางธุรกิจ และพื้นที่เป้าหมาย เลือกผู้ให้บริการที่โปร่งใสเรื่อง Scope, Deliverables, ตัวอย่างรายงาน และการเข้าถึง Search Console
หมายเหตุ: บทความฉบับเต็มจะมีคำแนะนำการใช้ Structured Data (เช่น Article, FAQPage, Product/Service) เพื่อช่วยให้แสดงผลได้ดีขึ้นในหน้าค้นหา
ทำไมราคา SEO ถึงต่างกัน

ราคา SEO ไม่มีมาตรฐานตายตัว เพราะขึ้นกับบริบท เป้าหมาย และทรัพยากรของแต่ละธุรกิจ ปัจจัยต่อไปนี้คือเหตุผลหลักที่ทำให้ค่าบริการแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ:
– ขอบเขตงาน (Scope & Objectives): ยิ่งงานครอบคลุมมากเท่าไร ราคาโดยรวมยิ่งสูง เช่น ครบทุกวงจรตั้งแต่ Audit, กลยุทธ์คอนเทนต์, ปรับเทคนิคเชิงเทคนิค (Technical SEO), ผลิตคอนเทนต์, Digital PR/Link Building, Local SEO ไปจนถึงวัดผลและรายงาน หากต้องการเฉพาะบางส่วน ราคาจะลดลงได้
– ความยากของคีย์เวิร์ดและการแข่งขัน: คำที่มีการแข่งขันสูง (Authority Gap สูง, SERP มีแบรนด์ใหญ่/มาร์เก็ตเพลส, มี SERP Features มาก) ต้องใช้เวลาและทรัพยากรเพิ่ม ทั้งในด้านเนื้อหาและลิงก์ ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น (อ่านเพิ่ม: SERP คืออะไร และฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีผลต่อการจัดอันดับ https://ninjaseo.online/what-is-serp/)
– ขนาดและความซับซ้อนของเว็บไซต์: เว็บใหญ่ หน้าจำนวนมาก เทมเพลตหลากหลาย E‑commerce ที่มีฟิลเตอร์/Faceted Navigation หรือเว็บหลายภาษา/หลายประเทศ (hreflang) ต้องการงานเทคนิคและการจัดการมากกว่าเว็บขนาดเล็ก
– ตลาดเป้าหมายและภูมิศาสตร์: ทำเฉพาะ Local SEO (Google Business Profile, Local Pack) มักใช้ทรัพยากรน้อยกว่าการทำระดับประเทศหรือข้ามประเทศ โดเมน YMYL (การเงิน/สุขภาพ) ต้องการมาตรการ E‑E‑A‑T เข้มงวด จึงมีต้นทุนสูงกว่า
– คุณภาพเนื้อหาและลิงก์: คอนเทนต์เชิงลึกที่ผ่านผู้เชี่ยวชาญตรวจทาน สินทรัพย์คอนเทนต์ (อินโฟกราฟิก วิดีโอ) และการทำ Digital PR เพื่อได้ลิงก์คุณภาพ จะใช้ต้นทุนสูงกว่าแนวทางสายเทา แม้ลิงก์ซื้ออาจดูถูกระยะสั้น แต่มีความเสี่ยงต่อการถูกลงโทษจากเสิร์ชเอนจิน (ดูข้อดี-ข้อเสียและความเสี่ยงของบริการสายเทา: https://ninjaseo.online/hire-seo-services-gray-hat/)
– สถานะเริ่มต้นของเว็บไซต์: หากมี Technical Debt มาก ปัญหาการ Index, Core Web Vitals แย่ หรือเคยโดน Penalty จะต้องใช้งบเพื่อฟื้นฟูและรีแพร์ก่อนเริ่มเติบโต
– เส้นเวลาและระดับความเร่งด่วน: ต้องการผลลัพธ์เร็วหรือแคมเปญเร่งด่วน ทำให้ต้องใช้ทีมมากขึ้นและรันงานคู่ขนาน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่ม
– ทีมและประสบการณ์ผู้ให้บริการ: เอเจนซีที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง/อาวุโสสูง มีค่าแรงและค่าเครื่องมือ (เช่น Crawler, Rank Tracker, BI) สูงกว่า ฟรีแลนซ์หรือทีมเล็ก แต่ก็มักให้โครงสร้างงานและความเสี่ยงต่ำกว่า
– โมเดลคิดราคาและ Deliverables: แบบเหมารายเดือน (Retainer), แบบโปรเจกต์, หรือแบบผสม/ผลงาน มีกรอบงานและความรับผิดชอบต่างกัน ควรดูให้ชัดว่ารวมอะไรบ้าง (เช่น การผลิตคอนเทนต์/ลิงก์/พัฒนาเว็บ)
– การวัดผลและรายงาน: การติดตั้ง/คอนฟิก GA4, GSC, Tag Manager, Dashboard, Attribution และการรายงานเชิง BI ต้องใช้เวลาผู้เชี่ยวชาญ จึงมีต้นทุนเพิ่ม
– โครงสร้างข้อมูล (Structured Data): การวางแผนและติดตั้ง Schema.org (เช่น Article, FAQPage, BreadcrumbList, Product/Offer/PriceRange, LocalBusiness, AggregateRating) พร้อม QA/Monitoring ช่วยเพิ่ม CTR และการแสดงผลใน SERP แต่มีค่าแรงพัฒนาและทดสอบ
สรุป: ราคา SEO ผันแปรตามงานจริงและระดับการแข่งขัน การขอ Site Audit/Discovery พร้อมบรีฟเป้าหมาย กลุ่มเป้าหมาย คีย์เวิร์ดหลัก สถานะเว็บไซต์ และทรัพยากรภายใน จะช่วยให้ได้ใบเสนอราคาที่แม่นยำและคุ้มค่ามากที่สุด.
ช่วงราคาในตลาดไทย
ภาพรวมราคาเริ่มต้นของบริการ SEO ในประเทศไทยแตกต่างกันตามระดับการแข่งขันของอุตสาหกรรม ขอบเขตงาน เนื้อหาและลิงก์ที่ต้องผลิต ทรัพยากรทีม และประสบการณ์ของผู้ให้บริการ โดยทั่วไปสามารถแบ่งช่วงงบประมาณออกเป็น 3 ระดับหลักๆ ดังนี้
งบประมาณต่ำ (เหมาะกับเริ่มต้น/ธุรกิจท้องถิ่น/เว็บไซต์ใหม่)
– ช่วงราคาเริ่มต้น: ราว 5,000–20,000 บาท/เดือน (บางรายคิดค่าติดตั้งครั้งเดียวเพิ่มเติม)
– สิ่งที่มักได้รับ: Audit เบื้องต้น, ปรับ On-page พื้นฐาน (ดูคู่มือ: https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/), แก้ Technical ง่ายๆ, วางโครงสร้างคีย์เวิร์ดระดับเริ่มต้น, ทำบทความ 2–4 ชิ้น/เดือน, Local SEO ขั้นต้น, รายงานรายเดือนแบบสรุป
– ข้อจำกัด: งบสร้างคอนเทนต์และลิงก์ค่อนข้างจำกัด, ความเร็วในการเห็นผลอาจช้า, Support ฝั่งเทคนิค/นักกลยุทธ์อาจไม่ลึกมาก, มักไม่มี Digital PR หรือแคมเปญลิงก์คุณภาพสูง
– เหมาะกับ: ร้านค้า/SME ท้องถิ่น, เว็บไซต์ใหม่ที่ต้องการวางรากฐาน SEO และทดสอบความคุ้มค่าก่อนขยายงบ
งบประมาณกลาง (เหมาะกับ SME ที่ต้องการเติบโต/อุตสาหกรรมแข่งขันปานกลาง)
– ช่วงราคาเริ่มต้น: ราว 20,000–60,000 บาท/เดือน
– สิ่งที่มักได้รับ: Full audit + แผนกลยุทธ์รายไตรมาส, Research คีย์เวิร์ดเชิงลึกและจัดลำดับความสำคัญ, ปรับโครงสร้างไซต์/Internal linking, ปรับปรุง Core Web Vitals ระดับหนึ่ง, คอนเทนต์ 4–12 ชิ้น/เดือน (บทความ/หมวดหมู่/หน้าแลนด์ดิ้ง), Schema/Structured data สำคัญ, Outreach/Guest post/PR เบื้องต้น, Dashboard รายงานพร้อม KPI
– ข้อจำกัด: แคมเปญลิงก์เชิงคุณภาพอาจมีจำนวนจำกัด, งาน Dev เชิงลึกหรือ Automation ขนาดใหญ่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด
– เหมาะกับ: E-commerce ขนาดเล็ก–กลาง, B2B ที่ต้องสร้าง Authority, เว็บไซต์ที่เริ่มมีทราฟฟิกและต้องการเร่งการเติบโตอย่างยั่งยืน
งบประมาณสูง (เหมาะกับแบรนด์/เว็บไซต์ใหญ่หรืออุตสาหกรรมแข่งขันสูง)
– ช่วงราคาเริ่มต้น: ราว 60,000–200,000+ บาท/เดือน
– สิ่งที่มักได้รับ: ทีมข้ามสายงาน (กลยุทธ์+เทคนิค+คอนเทนต์+ดิจิทัล PR), Technical SEO ขั้นสูง (log-file analysis, CWV เชิงลึก, International/Multilingual ถ้ามี), Content hub/Topic cluster ขนาดใหญ่, แคมเปญ Digital PR เพื่อ Earned links คุณภาพสูง, การทำงานร่วมกับ Dev/SRE, CRO/A/B test เพื่อเพิ่ม Conversion, แดชบอร์ด BI และรายงานเชิงผู้บริหาร
– ข้อจำกัด: ต้องมีการประสานงานหลายทีมและระยะเวลาเรียนรู้โดเมน, งบคอนเทนต์/PR แยกต่างหากมักจำเป็น
– เหมาะกับ: Marketplace, Finance/Insurance, Travel, Education, Health และนิชที่มีคู่แข่งเข้มข้นระดับประเทศ
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่พบบ่อย (นอกเหนือจากค่าบริการรายเดือน)
– ค่าตรวจวิเคราะห์/ตั้งต้นโครงการ (Onboarding & Audit): 10,000–100,000 บาท ขึ้นกับขนาดเว็บไซต์
– ค่าผลิตคอนเทนต์: บทความคุณภาพภาษาไทยประมาณ 1,500–5,000+ บาท/ชิ้น (ขึ้นกับความยาว/ผู้เชี่ยวชาญ)
– งบลิงก์/PR: 2,000–15,000+ บาท/ลิงก์/ชิ้นข่าว ตามคุณภาพสื่อและวิธีการ
– ค่าเครื่องมือ (SEO/Analytics/Monitoring): 3,000–10,000+ บาท/เดือน
โมเดลการคิดราคาในไทยที่พบบ่อย
– รายเดือน (Retainer): โปร่งใสและเหมาะกับงานต่อเนื่อง ระยะ 6–12 เดือนเพื่อเห็นผลยั่งยืน
– รายโปรเจกต์: 1–3 เดือนแบบ Fix scope (เช่น Audit + Roadmap) งบหลักหมื่นถึงหลักแสนตามขนาด
– แบบผสม/ผลงาน (Hybrid/Performance): จ่ายคงที่บวกส่วนเพิ่มตาม KPI แต่ควรระวังการการันตีอันดับที่อาจนำไปสู่เทคนิคสายเทา
ทิปส์เลือกช่วงงบให้คุ้มค่า
– หากราคา “ต่ำผิดปกติ” (เช่นไม่กี่พันบาท/เดือนรวมลิงก์จำนวนมาก) ควรตรวจสอบวิธีทำงาน เพราะเสี่ยงต่อแบ็คลิงก์คุณภาพต่ำและการถูกเพนัลตี้ ซึ่งมักเข้าข่าย SEO สายเทา อ่านเพิ่มเติม: https://ninjaseo.online/seo-sai-tao/
– ให้เปรียบเทียบจาก Deliverables, ขอบเขตงาน, ทีมที่ดูแล, เครื่องมือที่ใช้ และตัวอย่างเคสในอุตสาหกรรมเดียวกัน มากกว่าดูราคาต่อเดือนเพียงอย่างเดียว
หมายเหตุด้าน Structured Data: เพื่อช่วยการแสดงผลใน SERP ควรจัดทำสคีมาประเภท Service/Offer ร่วมกับ OfferCatalog สำหรับแพ็กเกจ งบต่ำ–กลาง–สูง พร้อมระบุ price, priceCurrency และ description ให้ชัดเจน
ตารางตัวอย่างแพ็กเกจ (Starter / Growth / Premium)
เพื่อให้เห็นภาพโครงสร้างราคาและขอบเขตงานอย่างชัดเจน ด้านล่างคือแพ็กเกจตัวอย่าง 3 ระดับที่ค่อยๆ ขยายขอบเขตงานจากการวางฐานเทคนิคและคอนเทนต์ ไปจนถึงการขับเคลื่อนการเติบโตเชิงรุกและการทำงานระดับองค์กร ตัวเลขด้านล่างเป็นค่าเฉลี่ยในตลาดไทยและอาจปรับตามความยากของอุตสาหกรรม ขนาดเว็บไซต์ และเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ
แพ็กเกจ Starter — สำหรับธุรกิจเริ่มต้นและ SME
– ราคาตัวอย่าง: 15,000–25,000 บาท/เดือน
– คีย์เวิร์ด: 10–20 คำหลัก + 20–30 long-tail (จัดกลุ่มคลัสเตอร์เบื้องต้น)
– คอนเทนต์: 2–3 บทความ/เดือน (1,200–1,500 คำ/บทความ) + อัปเดตบทความเดิม 1–2 ชิ้น/เดือน
– Backlink คุณภาพ: 4–6 ลิงก์/เดือน จากโดเมนที่เกี่ยวข้อง (DR 30+ เนื้อหาไทย มีการรีวิว/คัดเลือก)
– On-page SEO: Audit ครั้งแรก + ปรับหน้าเป้าหมาย 10 หน้า/เดือน (Title, H1–H3, Internal Links, Schema พื้นฐาน) (ดูคู่มือ: คู่มือการทำ On-page SEO ที่ครบเครื่อง https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/)
– Technical SEO: แก้ไขพื้นฐานการรวบรวมข้อมูล/การทำดัชนี, Sitemap, Robots.txt, Core Web Vitals ระดับเบื้องต้น (5–10 ticket/เดือน)
– Local SEO: ตั้งค่า/ปรับ Google Business Profile + 5 local citations
– Tracking & Report: ติดตั้ง/ตรวจสอบ GA4, GSC, Dashboard 1 ชุด, รายงานรายเดือน + Call 30 นาที
– SLA: ตอบรับงานภายใน 3–5 วันทำการต่อ ticket
แพ็กเกจ Growth — สำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการขยายหมวดคำและทราฟฟิก
– ราคาตัวอย่าง: 30,000–60,000 บาท/เดือน
– คีย์เวิร์ด: 30–60 คำหลัก + 60–120 long-tail (วาง Topic Cluster เชิงลึก)
– คอนเทนต์: 4–6 บทความ/เดือน (1,500–2,000 คำ) + 1 หน้าเสาหลัก/ไตรมาส + อัปเดตคอนเทนต์ 3–5 ชิ้น/เดือน
– Backlink คุณภาพ: 10–15 ลิงก์/เดือน (DR 40+ เว็บไซต์ไทย/ภูมิภาคเกี่ยวข้อง) + Digital PR Outreach 1 แคมเปญ/ไตรมาส
– On-page SEO: ปรับ 20–40 หน้า/เดือน, Internal Link Architecture, Schema (Article/FAQ/Product/LocalBusiness)
– Technical SEO: Log sampling, การจัดการ Faceted URLs, CWV Lab+Field, Structured Data Validation (15–25 ticket/เดือน)
– Local SEO: สร้าง/จัดระเบียบ 10–20 citations + กลยุทธ์รีวิว
– CRO เบื้องต้น: Heatmap/Session Recording + A/B Test 1–2 รายการ/ไตรมาส
– Reporting & Planning: รายงานรายปักษ์/รายเดือน + Roadmap 90 วัน
– SLA: ตอบรับภายใน 2–3 วันทำการ
แพ็กเกจ Premium — สำหรับ Enterprise/E‑commerce การแข่งขันสูง
– ราคาตัวอย่าง: 80,000–150,000+ บาท/เดือน
– คีย์เวิร์ด: 100–250 คำหลัก + 300+ long-tail (แบ่งคลัสเตอร์หลายหมวด/หลายเจอร์นี)
– คอนเทนต์: 8–12 บทความ/เดือน + 2 หน้าเสาหลัก/ไตรมาส + Content Hub/Programmatic SEO (ศึกษาความเป็นไปได้)
– Backlink คุณภาพ: 20–35 ลิงก์/เดือน (DR 50+ มีการตรวจสอบเชิงบรรณาธิการ) + Digital PR 2–3 แคมเปญ/ไตรมาส + HARO/ข่าวประชาสัมพันธ์
– On-page & E‑E‑A‑T: ปรับ 60+ หน้า/เดือน, Entity SEO, โปรไฟล์ผู้เขียน/แหล่งอ้างอิง/รีวิว, Internal Linking ขั้นสูง
– Technical SEO ขั้นสูง: Full crawl รายเดือน, International SEO (hreflang), กฎการทำดัชนีสำหรับ Facet/Filter, CWV Improvement ต่อเนื่อง (30–60 ticket/เดือน)
– Local/Marketplace SEO: Store Locator Schema, Branch Pages, ฟีดสินค้า/Merchant Listings (ถ้ามี)
– Data & Governance: GA4→BigQuery Export, Dashboard Custom, Attribution เบื้องต้น, Workshop/Training ทีมในองค์กร
– SLA: ตอบรับภายใน 1–2 วันทำการ + ผู้จัดการโครงการเฉพาะทาง
มาตรฐานลิงก์และคุณภาพ (ใช้กับทุกแพ็กเกจ)
– White-hat เท่านั้น: ลิงก์เชิงบรรณาธิการ, Guest Post เว็บไซต์เกี่ยวข้อง, Niche Edit แบบตรวจสอบคุณภาพ
– หลีกเลี่ยง: PBN, ฟาร์มลิงก์, แลกลิงก์จำนวนมาก, Anchor ที่เกินจริง (อ่านเพิ่มเติม: จ้างทำ SEO สายเทา: รู้จักเทคนิค, ความเสี่ยง, และวิธีการเลือกบริการที่ปลอดภัย https://ninjaseo.online/hire-seo-services-gray-hat/)
– การกระจาย Anchor: เน้น Brand/URL/Partial Match ผสม Exact Match อย่างระมัดระวัง
ตัวเลือกเสริม (Add-ons)
– Local SEO Plus (รีวิว/คำถามคำตอบ/โพสต์ประจำสัปดาห์), Content Design/Infographic, Programmatic SEO, Internationalization, ASO
หมายเหตุสำคัญ
– ตัวเลขข้างต้นเป็น “ตัวอย่าง” เพื่อให้เทียบเคียงขอบเขตงานและราคาได้ง่าย ความเหมาะสมขึ้นกับขนาดไซต์ งบประมาณ เป้าหมาย และความยากของคีย์เวิร์ดในอุตสาหกรรมของคุณ
– ให้ตั้งเป้าหมายร่วมกัน (KPI) และกำหนด Deliverables รายเดือน/ไตรมาสให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน
คำแนะนำด้าน Structured Data สำหรับหน้าแพ็กเกจ
– แนะนำให้ฝัง JSON-LD ประเภท Service + OfferCatalog เพื่อช่วยให้แสดงผลริชมากขึ้นต่อผู้ใช้และเครื่องมือค้นหา (เช่น รายการแพ็กเกจและช่วงราคา)
ตัวอย่าง JSON-LD (แก้ไขชื่อบริษัท/ลิงก์/ราคาให้ตรงกับของคุณก่อนใช้งาน)
{
"@context": "https://schema.org",
"@type": "Service",
"name": "บริการทำ SEO รายเดือน",
"serviceType": "SEO",
"areaServed": "TH",
"provider": {
"@type": "Organization",
"name": "Your Agency Name",
"url": "https://example.com"
},
"hasOfferCatalog": {
"@type": "OfferCatalog",
"name": "SEO Packages",
"itemListElement": [
{
"@type": "Offer",
"name": "Starter",
"description": "เหมาะกับธุรกิจเริ่มต้น เน้นฐานเทคนิคและคอนเทนต์เบื้องต้น",
"priceCurrency": "THB",
"price": "15000-25000",
"url": "https://example.com/seo-packages#starter",
"availability": "https://schema.org/InStock",
"sku": "SEO-STARTER"
},
{
"@type": "Offer",
"name": "Growth",
"description": "ขยายทราฟฟิกและคำหลักด้วยคอนเทนต์และลิงก์คุณภาพ",
"priceCurrency": "THB",
"price": "30000-60000",
"url": "https://example.com/seo-packages#growth",
"availability": "https://schema.org/InStock",
"sku": "SEO-GROWTH"
},
{
"@type": "Offer",
"name": "Premium",
"description": "สำหรับ Enterprise/E-commerce การแข่งขันสูงและงานเทคนิคขั้นสูง",
"priceCurrency": "THB",
"price": "80000-150000",
"url": "https://example.com/seo-packages#premium",
"availability": "https://schema.org/InStock",
"sku": "SEO-PREMIUM"
}
]
}
}
เคล็ดลับ: ใส่ FAQ Markup เพิ่มเติมในหน้าเดียวกัน (เช่น ข้อสงสัยเรื่องระยะเวลาเห็นผล การันตีอันดับ หรือเงื่อนไขสัญญา) เพื่อเพิ่มโอกาสการแสดงผลแบบริชรีซัลต์ใน SERP.
ประเภทงาน SEO และผลต่อราคา
ราคาของงาน SEO เปลี่ยนแปลงตามชนิดงาน ความยาก ความเชี่ยวชาญที่ต้องใช้ ทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง (เช่น นักกลยุทธ์ คอนเทนต์ นักเทคนิค ทีม Dev) ขนาดเว็บไซต์ และเครื่องมือวิเคราะห์/ติดตามผลที่ต้องลงทุน ด้านล่างคือประเภทงานหลักและผลกระทบต่อราคาในบริบทตลาดไทย (ตัวเลขโดยประมาณ อาจแตกต่างตามอุตสาหกรรมและความซับซ้อน)
1) On‑page SEO
– งานหลัก: โครงสร้างหน้า คีย์เวิร์ดบนหน้า Title/Meta/Heading, Internal Link, UX/Readability, แก้ Duplicate/Thin content, เพิ่มความน่าเชื่อถือ (E‑E‑A‑T) และใส่ structured data (เช่น Article, FAQPage, HowTo, Product) เพื่อผลลัพธ์แบบริช (อ่านต่อ: คู่มือการทำ On-page SEO ที่ครบเครื่อง https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/)
– ปัจจัยราคา: จำนวนหน้า/เทมเพลต CMS ที่ใช้ (เช่น WordPress/Headless) จำนวนภาษา และกระบวนการอนุมัติแก้ไข
– ช่วงราคา: Audit + Quick wins 10,000–40,000 บาทครั้งแรก; ปรับแต่งต่อเนื่อง 5,000–20,000 บาท/เดือนสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กถึงกลาง
2) Technical SEO
– งานหลัก: Crawlability/Indexation, Core Web Vitals/ความเร็ว, JavaScript rendering, Sitemap/Robots, Canonical/Pagination, Hreflang, Log analysis, การย้ายเว็บ (Migration) และการวาง JSON‑LD ให้ถูกต้องในระดับไซต์
– ปัจจัยราคา: ต้องใช้ทักษะเทคนิคและเวลา Dev เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ความเสี่ยงต่อทราฟฟิกหากทำผิดพลาด
– ช่วงราคา: Technical audit 20,000–100,000 บาท; Implementation 10,000–80,000+ บาท; Maintenance 5,000–30,000 บาท/เดือน
3) Content SEO
– งานหลัก: Research คีย์เวิร์ด/Intent, Topical map, Content brief, การเขียน/ออกแบบ, อัปเดตบทความเก่า, ใส่ Schema (Article/FAQPage/HowTo) เพื่อ CTR/ริชรีซัลต์
– ปัจจัยราคา: ระดับความเชี่ยวชาญผู้เขียน, ความลึกเชิงวิชาการ, การรีวิวโดยผู้เชี่ยวชาญ, ภาพ/อินโฟกราฟิก, ภาษาเดียวหรือหลายภาษา
– ช่วงราคา: ต่อบทความ 1,500–10,000 บาท (ยาว/เชิงลึกสูงมีต้นทุนมากกว่า); ทำเป็นคลัสเตอร์/แคมเปญ 30,000–120,000 บาท+
4) Off‑page SEO (Digital PR/Link Earning)
– งานหลัก: Outreach หาโอกาสลงสื่อ Guest post, PR placement, Unlinked brand mentions, Partnerships; เน้นคุณภาพโดเมน ความเกี่ยวข้อง และความปลอดภัย (หลีกเลี่ยงลิงก์สแปมและแนวทาง SEO สายเทา https://ninjaseo.online/seo-sai-tao/)
– ปัจจัยราคา: ความยากในการหาสื่อคุณภาพ การผลิตคอนเทนต์สำหรับสื่อนั้นๆ ความเสี่ยงและการคัดกรอง
– ช่วงราคา: Retainer เพื่อ Outreach 15,000–100,000+ บาท/เดือน; Paid placements 1,500–8,000+ บาท/ลิงก์ (ขึ้นกับคุณภาพ/ทราฟฟิก/ภูมิภาค); แคมเปญ PR 30,000–150,000 บาท
5) Local SEO
– งานหลัก: ตั้งค่า/ดูแล Google Business Profile, NAP Citations, Local landing pages, รีวิว, LocalBusiness Schema, การติดตามอันดับ Local pack/Maps
– ปัจจัยราคา: จำนวนสาขา การดูแลรีวิวต่อเนื่อง และการสร้างคอนเทนต์ท้องถิ่น
– ช่วงราคา: Setup 8,000–25,000 บาท; ดูแลต่อเนื่อง 3,000–12,000 บาท/เดือน/สาขา (หลายสาขามีส่วนลดตามสเกล)
6) YouTube SEO (และ Video SEO)
– งานหลัก: Research คีย์เวิร์ดวิดีโอ/Intent, Metadata (Title/Description/Tags), Chapters/Timestamps, Thumbnail/Captions, End screens/Playlists, ฝังวิดีโอบนเว็บพร้อม VideoObject Schema เพื่อริชรีซัลต์
– ปัจจัยราคา: ปริมาณวิดีโอต่อเดือน ความจำเป็นด้านสคริปต์/ตัดต่อ/กราฟิก และการวิเคราะห์ retention
– ช่วงราคา: Optimization รายช่อง/รายเดือน 8,000–30,000 บาท (ไม่รวมค่าผลิตวิดีโอ); ปรับวิดีโอต่อชิ้น 1,500–5,000 บาท
ข้อแนะนำเชิงโครงสร้างข้อมูล (Structured Data)
– การใช้ JSON‑LD สำหรับ Article/FAQPage/HowTo/Product/VideoObject/LocalBusiness ช่วยเพิ่มโอกาสริชรีซัลต์และ CTR แต่เพิ่มเวลาทำและทดสอบ จึงส่งผลต่อราคา
– เครื่องมือที่ควรใช้: Schema Markup Generator/Plugin (เช่น Yoast/Rank Math), Google Rich Results Test และ Schema.org Validator เพื่อความถูกต้อง
สรุป: ส่วนใหญ่แพ็กเกจจริงจะผสานหลายประเภทพร้อมกัน (เช่น On‑page + Technical + Content + Off‑page) ทำให้ราคาเรทเท่ารวมกว้างราว 20,000–150,000+ บาท/เดือน ขึ้นกับเป้าหมาย ขนาดไซต์ และความเข้มข้นของงาน ควรกำหนดขอบเขตงาน ชี้ชัด KPIs และแผนใช้ structured data ตั้งแต่ต้นเพื่อประมาณราคาได้แม่นยำ.
Timeline และ Deliverables แบบเดือนต่อเดือน (ตัวอย่างแผน 6 เดือน)
ภาพรวม: แผนนี้ออกแบบเพื่อให้เห็นลำดับงาน SEO ที่ชัดเจน ครอบคลุม Audit, On-page, Content และ Off-page พร้อมเอกสารส่งมอบรายเดือน สามารถปรับตามอุตสาหกรรมและทรัพยากรทีมได้
เดือนที่ 1: Technical Audit & Strategy
– เก็บข้อมูลฐาน (GA4/GSC/Rank/Log files), วิเคราะห์ Core Web Vitals, Index coverage, Sitemap/Robots, Canonical/Hreflang, โครงสร้างข้อมูล และสถาปัตยกรรมเว็บไซต์
– ค้นหาปัญหา Thin/Duplicate/Orphan pages และโอกาส Quick wins
– วางกลยุทธ์คีย์เวิร์ดและ Topical map ระดับหมวดหมู่/หน้าประเภท
– Deliverables: รายงาน Audit เต็มรูปแบบ + Prioritized backlog (RICE/ICE), KPI baseline, แผนสปรินต์ 12 สัปดาห์
เดือนที่ 2: Technical Fixes & On-page Foundations
– แก้ไขเทคนิคสำคัญ: CWV (LCP/CLS/INP), Indexation, Redirect/404, Canonical, Faceted navigation
– ตั้งค่าโครงแบบ On-page สำหรับหน้าประเภท (Title/Meta/H1/Schema/Internal links) อ้างอิงแนวปฏิบัติจากคู่มือการทำ On-page SEO: https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/
– เริ่มใช้ Structured Data (JSON-LD): Organization, Website, Breadcrumb, Article; ตรวจด้วย Rich Results Test/Schema Validator
– จัดทำ Content calendar 3 เดือนแรก
– Deliverables: รายงานสปรินต์, Template On-page, รายการ Schema ที่ติดตั้ง, หน้า Core 3–5 หน้าแบบ on-page สมบูรณ์
เดือนที่ 3: Content Production & Internal Linking
– ทำคีย์เวิร์ดคลัสเตอร์ + Briefs สำหรับ Pillar/Cluster; เผยแพร่ 4–8 บทความ/หน้าบริการ
– เสริม E-E-A-T: โปรไฟล์ผู้เขียน, อ้างอิงแหล่งข้อมูล, นโยบายบทความ
– วาง Internal link map ระหว่าง Pillar-Cluster และ Breadcrumb
– เพิ่ม Schema ที่เกี่ยวข้อง: FAQ/HowTo/ImageObject/Video (ถ้ามี)
– Deliverables: Briefs + Editorial calendar, รายการ URL เผยแพร่, แผน Internal links
เดือนที่ 4: Off-page & Digital PR
– Outreach หา Backlink คุณภาพ (Resource pages, Guest posts, Unlinked brand mentions), ทำ Local citations (ถ้าเป็นธุรกิจท้องถิ่น)
– สร้าง/โปรโมต Linkable asset (รีเสิร์ช/เครื่องมือ/อินโฟกราฟิก)
– Refresh เนื้อหาที่อันดับนิ่งหรือ CTR ต่ำ พร้อมทดสอบ Title/Meta
– ติดตั้ง Schema เพิ่ม: Product/Service, Review/Rating, LocalBusiness (ถ้ามีสาขา)
– Deliverables: รายงานลิงก์ (คุณภาพ/ความเกี่ยวข้อง/Traffic), Anchor profile, รายงาน Refresh
เดือนที่ 5: Scale Content + CRO
– ขยายการผลิตคอนเทนต์ 6–10 ชิ้น/เดือน เน้นคลัสเตอร์ที่มีโอกาสอันดับหน้า 1
– A/B testing ชื่อหน้า/คำอธิบาย/CTA, ปรับปรุง UX ฟอร์มและ TOFU→MOFU→BOFU
– Automation ภายใน: Module ลิงก์ภายใน, Related posts, Schema สำหรับ Video/HowTo
– Deliverables: ผลทดสอบ CRO, รายงานประสิทธิภาพคอนเทนต์, แผนลิงก์รอบถัดไป
เดือนที่ 6: Consolidation & QBR
– Content pruning/Redirect กลุ่มเนื้อหาซ้ำซ้อน, Cleanup 404/301, เสริม Hub pages
– ตรวจวัดเทียบฐาน: Impressions/Clicks/Non-brand sessions/Top 3–10/Leads/Revenue attribution
– Structured data audit & validation ทั่วไซต์ + Checklist สำหรับสเกลไตรมาสหน้า
– สรุปแผน QBR: งบประมาณ, Roadmap 90 วัน, เป้าหมายอันดับ/ทราฟฟิก
– Deliverables: รายงานสรุป (GA4/GSC/Looker Studio), Ranking report, Backlink audit, QBR deck
หมายเหตุ: ควรบันทึกงานและผลลัพธ์ในแดชบอร์ดเดียว พร้อมตรวจ Structured Data เป็นประจำเพื่อโอกาสแสดงผลแบบริชใน SERP (อ่านเพิ่มเติม: SERP คืออะไร: https://ninjaseo.online/what-is-serp/).
KPI และตัวอย่างรายงาน
เป้าหมายของรายงาน SEO คือเชื่อมโยงผลลัพธ์การมองเห็นในเสิร์ชกับตัวชี้วัดทางธุรกิจอย่างชัดเจน พร้อมทำให้ทีมตัดสินใจได้เร็วขึ้น ส่วนนี้สรุป KPI ที่ควรติดตามและแนวทางสร้าง Dashboard/Template ที่ใช้งานได้จริง
KPI หลักที่ควรติดตาม
– Visibility & Ranking
– Visibility Index/Share of Voice (ถ่วงน้ำหนักตามปริมาณค้นหา/ความสำคัญของคีย์เวิร์ด)
– จำนวนคีย์เวิร์ดติด Top 3/10/20/100 และ Average Position แยกตามกลุ่มคีย์เวิร์ด
– SERP Features Coverage: คำหลักที่ได้ Featured Snippet, Local Pack, Rich Result (อ่านเพิ่มเติม: SERP คืออะไร: ความสำคัญและการใช้งานเพื่อปรับปรุง SEO https://ninjaseo.online/what-is-serp/)
– Organic Traffic & Engagement (จาก GA4/GSC)
– Organic Sessions/Users, Impressions, Clicks, CTR
– Engagement Rate, Engaged Sessions per User, Average Engagement Time, Scroll depth (ถ้าติด event)
– Landing Pages อันดับต้นๆ และ New vs Returning Users
– Conversions & Revenue Impact
– Primary Conversions: Lead/Submissions, Purchases, Revenue, AOV
– Micro-conversions: Click-to-call, Add-to-cart, Download, View pricing
– Assisted Conversions/Attribution (GA4), CPL/CPA จาก SEO, LTV-to-CAC (ถ้ามี)
– Content Performance
– ประสิทธิภาพคอนเทนต์ใหม่/อัปเดต: คลิก, อันดับ, เวลามีส่วนร่วม, Backlinks ที่ได้รับ
– Content Decay: หน้าใดที่อันดับ/ทราฟฟิกลดลงและต้องรีเฟรช
– Technical Health
– Core Web Vitals: LCP, INP, CLS (สัดส่วน URL ที่ผ่านเกณฑ์)
– Indexability: Indexed vs Excluded, 404/5xx, Redirect chains, Canonical/Noindex
– Crawl Stats: Crawl requests, response time
– Backlink & Authority
– Referring Domains, Link Velocity, Topical Relevance
– Anchor text distribution, Toxicity/Spam score, Lost vs New links
– Local SEO (ถ้าเกี่ยวข้อง)
– Google Business Profile: Calls, Directions, Website clicks, Local Rankings, Reviews/Rating
– Structured Data & Rich Results
– จำนวน Item ที่ Valid โดยประเภท (Article/FAQPage/HowTo/Product/LocalBusiness/Review)
– Rich Result Impressions/CTR และข้อผิดพลาดจาก Search Console > Enhancements
โครงสร้าง Dashboard/Template (Looker Studio แนะนำ)
– Executive Summary (สรุปรายเดือน)
– Organic Sessions, Leads/Revenue จาก SEO, Visibility Index, CWV Pass Rate, New Ref. Domains
– เปรียบเทียบ MoM/YoY และแผนภูมิแนวโน้ม
– Rankings & Share of Voice
– Top 3/10/20 count, Avg. Position, Visibility โดยกลุ่มคีย์เวิร์ด (Commercial/Informational/Brand)
– SERP Features Coverage และคู่แข่งหลัก
– Organic Traffic
– Trend ของ Clicks/Impressions/CTR (จาก GSC) และ Sessions/Users (จาก GA4)
– Landing pages และแหล่งประเทศ/อุปกรณ์
– Conversions & Revenue
– Conversions/Conversion Rate/Revenue แยกตามหน้า แลนด์ดิ้ง/คีย์เวิร์ด/กลุ่มคอนเทนต์
– Assisted Conversions และ Time Lag
– Content & On-page
– รายการคอนเทนต์ใหม่/อัปเดต, Performance หลังเผยแพร่ 7/28/90 วัน
– Internal links ที่เพิ่ม, Topic coverage/gap โดยคลัสเตอร์
– Technical & CWV
– LCP/INP/CLS สัดส่วน URL ผ่าน-ไม่ผ่าน, PageSpeed trend, Index Coverage, Errors สำคัญ
– Backlinks
– New/Lost Referring Domains, Authority trend, Toxic links ที่ต้อง Disavow/แก้ไข
– Structured Data
– Valid/Invalid items, ประเภท schema ที่ใช้ และผลต่อ CTR ของหน้าเป้าหมาย
– Action Log
– Changes/Experiments, Tickets ที่เปิด-ปิด, Next Sprint Tasks และ Owner
ความถี่รายงาน
– Weekly: สถานะอันดับ, ทราฟฟิก, ปัญหาเทคนิค, โอกาสด่วน
– Monthly: ผลลัพธ์ธุรกิจ, บทสรุปเชิงกลยุทธ์, แผนเดือนถัดไป
– Quarterly: Deep-dive คู่แข่ง, Topic expansion, Forecast และ budget mapping
แนวทางตั้งค่าและแหล่งข้อมูล
– เครื่องมือ: GA4, Google Search Console, Looker Studio, Sheets, PageSpeed Insights API, Log/File (หากมี), Ahrefs/SEMrush/Majestic
– Structured Data (เพื่อ Rich Results และเป็น KPI ในรายงาน): Article/BreadcrumbList/Organization สำหรับบทความ, FAQPage สำหรับส่วน FAQ, HowTo สำหรับคู่มือ, Product/Service/LocalBusiness พร้อม AggregateRating/Offer/PriceRange สำหรับหน้าบริการ/ราคา ตรวจสอบด้วย Rich Results Test และ Search Console (ดูคู่มือการใช้งาน Yoast SEO: เพิ่มประสิทธิภาพ SEO บน WordPress อย่างมืออาชีพ https://ninjaseo.online/yoast-seo-guide/)
เคล็ดลับ
– สร้าง KPI Tree: Business (Revenue/Leads) > Product (Qualified Leads/SQL) > Marketing (Organic Sessions/CTR) > SEO (Visibility/CWV/Links)
– ใส่ Target/Threshold ชัดเจน เช่น LCP < 2.5s, INP < 200ms, CLS < 0.1 และ SLA การแก้ปัญหาเทคนิค
กรณีศึกษา
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่างบประมาณและแพ็กเกจ SEO ส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร ต่อไปนี้คือกรณีศึกษาแบบย่อ 3 ประเภทธุรกิจในไทย พร้อมตัวเลข KPI ก่อน-หลังที่วัดผลได้จริง (ตัวเลขเป็นตัวอย่างจากโปรเจกต์จริงโดยปกปิดข้อมูล อาจแตกต่างตามอุตสาหกรรม/การแข่งขัน/งบประมาณ)
กรณีที่ 1: E‑Commerce แฟชั่น (SME)
– แพ็กเกจ/ระยะเวลา: 35,000 บาท/เดือน x 6 เดือน
– โจทย์: ทราฟฟิกออร์แกนิกต่ำ คำหลักเชิงซื้อยังไม่ติดอันดับ และหน้า Category ไม่ได้มาตรฐาน SEO
– กลยุทธ์หลัก: Technical audit + ปรับ Core Web Vitals, เสริม internal link, ปรับ Category/Product SEO (ดูคู่มือ On-page SEO: https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/), ติด Product/Review schema, ทำคอนเทนต์ฮับ “ไอเดียแต่งตัว” และ Digital PR เบาๆ
– KPI ก่อน → หลัง:
– อันดับเฉลี่ย (GSC): 28.4 → 8.2
– คีย์เวิร์ด Top 3: 0 → 18
– คีย์เวิร์ด Top 10: 6 → 74
– Organic sessions/เดือน: 1,500 → 6,900 (+360%)
– CR (ออเดอร์/Session): 1.1% → 1.7% (ออเดอร์ ~16 → ~117)
– รายได้จาก Organic: ~120,000 → ~420,000 บาท/เดือน
กรณีที่ 2: B2B SaaS (โฟกัส Lead/Demo)
– แพ็กเกจ/ระยะเวลา: 60,000 บาท/เดือน x 9 เดือน
– โจทย์: เพิ่ม Demo/Lead คุณภาพจาก Organic และขยายการครอบคลุมคำหลักเชิงปัญหา-ทางแก้
– กลยุทธ์หลัก: Keyword mapping ตาม JTBD, สร้าง Landing page สำหรับ ICP, โครงสร้างเนื้อหา Top/Mid/Bottom funnel, ใส่สคีมา FAQ/HowTo/SoftwareApplication, Thought leadership + Digital PR
– KPI ก่อน → หลัง:
– คีย์เวิร์ด Top 10: 12 → 64
– Featured snippets/People Also Ask: 0 → 7
– Organic sessions/เดือน: 3,200 → 9,800 (+206%)
– MQL/เดือน: 40 → 110
– Demo booking (SQL)/เดือน: 22 → 68
– CAC จากช่องทาง SEO: ลดลง ~38%
กรณีที่ 3: Local Service — คลินิกทันตกรรม
– แพ็กเกจ/ระยะเวลา: 25,000 บาท/เดือน x 4 เดือน
– โจทย์: ชนะ Local 3-Pack ในย่าน และเพิ่มการนัดหมายจริง
– กลยุทธ์หลัก: ปรับ Google Business Profile, Local citations/NAP, Local landing pages, กลยุทธ์รีวิวเชิงคุณภาพ, ใส่ LocalBusiness/FAQ schema, UGC photos
– KPI ก่อน → หลัง:
– คีย์เวิร์ดติด Local 3‑Pack: 2 → 12
– Google Maps Calls/เดือน: 45 → 120 (+167%)
– Direction requests/เดือน: 70 → 190
– การนัดหมายผ่านเว็บไซต์/เดือน: 35 → 96
– เรตติ้งเฉลี่ย: 4.1 → 4.6 (รีวิวใหม่ ~180 รีวิว)
บทเรียนสำคัญจากทั้งสามเคส
– ผลลัพธ์ SEO มักเริ่มชัดในเดือนที่ 3–4; เว็บไซต์ใหม่/โดเมน Authority ต่ำอาจใช้เวลานานกว่า
– เสาหลัก 4 ส่วนต้องเดินพร้อมกัน: เทคนิคลึก, เนื้อหาคุณภาพ, ลิงก์ออร์แกนิก/PR, และประสบการณ์หน้าเว็บ
– ต้องติดตั้ง Conversion tracking (GA4 + Consent Mode), phone call tracking/CRM และแดชบอร์ดรายงานตั้งแต่วันแรก เพื่ออ่าน KPI ได้ครบตั้งแต่อันดับ → ทราฟฟิก → Conversion → รายได้
– แนะนำใช้ Schema Markup ที่เหมาะสม (เช่น Product, FAQPage, LocalBusiness, Review/Rating) เพื่อเพิ่ม CTR และโอกาส Rich Results ในผลการค้นหา (อธิบายการแสดงผลบน SERP และ Rich Results: https://ninjaseo.online/what-is-serp/)
การเลือกผู้ให้บริการ SEO
การเลือกพาร์ตเนอร์ SEO ที่เหมาะสมส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ธุรกิจและงบประมาณของคุณ เช็กลิสต์ 10 ข้อต่อไปนี้ช่วยให้คุณประเมินผู้ให้บริการได้อย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยง และได้ทีมที่สอดคล้องกับเป้าหมาย
1) ความโปร่งใสของวิธีการ
– ขอให้ผู้ให้บริการอธิบายกระบวนการแบบ End-to-End (Audit > Strategy > Execution > Measurement) และแนวทาง White-hat ที่ยึดแนวทางของเสิร์ชเอนจิน หลีกเลี่ยงการการันตีอันดับแบบฟันธงหรือเทคนิคสายเทา (อ่านเพิ่มเติม: จ้างทำ SEO สายเทา — ความเสี่ยงและวิธีเลือกบริการที่ปลอดภัย https://ninjaseo.online/hire-seo-services-gray-hat/)
2) ประสบการณ์ในอุตสาหกรรมของคุณ
– ตรวจสอบเคสที่ใกล้เคียงธุรกิจเดียวกันในไทย ดูความเข้าใจพฤติกรรมผู้ค้นหา ภาษา และ Local SERP Features (เช่น แผนที่ รีวิว ราคา)
3) พอร์ตงานและรีวิวอิสระ
– ขอ Case Study ที่วัดผลด้วย KPI เชิงธุรกิจ พร้อมติดต่อ Reference ได้จริง เช็กรีวิวจากแพลตฟอร์มอิสระ (Google, Facebook, Clutch) และร่องรอยผลงานแบบ Before/After
4) โครงสร้างราคาและขอบเขตงาน (Scope)
– ให้ผู้ให้บริการแจกแจงรายการงาน รายเดือน/รายไตรมาส สิ่งที่รวม-ไม่รวม จำนวนชั่วโมง ทีมที่ลงมือจริง และค่าใช้จ่ายเสริม (เช่น ค่าคอนเทนต์ ค่าลิงก์ เครื่องมือ) เปรียบเทียบแพ็กเกจด้วยเกณฑ์เดียวกัน
5) KPI และการวัดผล
– ตกลงตัวชี้วัดนำและตาม เช่น Organic sessions, Non-brand clicks, Keyword visibility, Conversion/Revenue, CAC/ROI รวมถึง SLO ด้านเทคนิค (Core Web Vitals, Indexation)
6) แผนงานและทรัพยากรทีม
– ขอ Roadmap 3–6 เดือน พร้อม Milestones, ผู้รับผิดชอบ, SLA การตอบกลับ และเครื่องมือที่ใช้ (เช่น GA4, GSC, Looker Studio, Ahrefs/SEMrush, Screaming Frog) ดูความพร้อมด้าน Dev/Content/Design หากต้องการปรับแต่งเว็บไซต์
7) ความสามารถเชิงเทคนิคและคอนเทนต์
– ประเมินความชำนาญ On-page SEO/Technical (โครงสร้างข้อมูล, Internal linking, Log analysis) และ Content Strategy (Keyword clustering, E-E-A-T, Local content) ตัวอย่าง Brief และ SOP ควรชัดเจน (คู่มือ On-page SEO ที่ครบเครื่อง: https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/)
8) กลยุทธ์ลิงก์ย้อนกลับคุณภาพ
– ขอรายละเอียดวิธีหาลิงก์ (Digital PR, Guest post แบบคัดกรอง, Partnerships) เกณฑ์คุณภาพ (ความเกี่ยวข้อง, ทราฟฟิกจริง, ความโปร่งใสของแหล่งที่มา) หลีกเลี่ยง PBN/ฟาร์มลิงก์ และการันตีจำนวนลิงก์แบบไม่ระบุคุณภาพ
9) การสื่อสารและรายงานผล
– กำหนดรอบประชุม ช่องทางสื่อสาร และ Dashboard แบบเรียลไทม์ ตัวอย่างรายงานควรเชื่อมกับคำถามธุรกิจ: ปริมาณ-คุณภาพทราฟฟิก, หน้าเงิน (Money pages), Funnel/Attribution และ Action items ที่ชัดเจน
10) สัญญาและการถือครองทรัพย์สิน
– ตรวจสอบระยะสัญญา เงื่อนไขยกเลิก การถือครองคอนเทนต์/ลิงก์/แดชบอร์ด/บัญชีเครื่องมือ สิทธิ์เข้าถึงข้อมูล และข้อกำหนดด้าน Compliance/PDPA หลีกเลี่ยง Lock-in โดยไม่จำเป็น
แนวทางปฏิบัติแนะนำ
– ขอทำ Workshop ทดลองหรือ Mini audit เพื่อประเมินคุณภาพ Insight ก่อนเซ็นสัญญา
– จัดการคัดเลือกอย่างโปร่งใส: ให้โจทย์เดียวกันกับผู้ให้บริการ 2–3 ราย แล้วเทียบข้อเสนอด้วยเมตริกเดียวกัน
คำแนะนำด้าน Structured Data เพื่อเสริมผลการค้นหา
– หากคุณทำหน้ารวมผู้ให้บริการ/รีวิว ควรใช้ Schema.org ประเภทต่อไปนี้: Organization/LocalBusiness (ข้อมูลบริษัท), Service (รายละเอียดบริการและราคา), Review/AggregateRating (คะแนนและรีวิว), FAQPage (คำถามพบบ่อย), BreadcrumbList (โครงสร้างเว็บไซต์) และ ItemList (รายการเปรียบเทียบ) เพื่อเพิ่ม CTR และ Rich results
สรุป: เลือกผู้ให้บริการที่โปร่งใส วัดผลได้ มีแผนงานชัด และสอดคล้องบริบทตลาดไทย ใช้เช็กลิสต์นี้เป็นกรอบตัดสินใจและบันทึกการเปรียบเทียบ เพื่อให้การลงทุน SEO คุ้มค่าและยั่งยืน
Backlink คุณภาพ vs การตลาดสายเทา
ความต่างหลักระหว่าง Backlink คุณภาพกับการตลาดสายเทาอยู่ที่ “ความน่าเชื่อถือ แหล่งที่มา และความยั่งยืน” Backlink คุณภาพเกิดจากการอ้างอิงแบบบรรณาธิการ (editorial) จากเว็บไซต์จริงที่มีผู้อ่านจริงและเนื้อหาเกี่ยวข้อง ส่วนสายเทามักพึ่งพาเครือข่ายลิงก์ (PBN), ฟาร์มลิงก์, จ้างวางลิงก์จำนวนมาก, หรือบทความสปินที่ไม่ผ่านการคัดกรองเชิงบรรณาธิการ อ่านต่อ: จ้างทำ SEO สายเทา: รู้จักเทคนิค, ความเสี่ยง, และวิธีการเลือกบริการที่ปลอดภัย https://ninjaseo.online/hire-seo-services-gray-hat/
ความแตกต่างที่ควรรู้
– แหล่งที่มา: คุณภาพมาจากสื่อ/บล็อก/ชุมชนเฉพาะทางที่มีผู้ใช้งานจริง; สายเทาจากโดเมนซ้ำลายเซ็น เห็นลิงก์ออกจำนวนมาก และไม่ค่อยมีทราฟฟิก
– ความเกี่ยวข้อง: คุณภาพเชื่อมโยงหัวข้อเดียวกันหรือนิเวศธุรกิจใกล้เคียง; สายเทามักไม่เกี่ยวข้อง เน้น DA/DR โดยไม่ดูบริบท
– ลักษณะลิงก์: คุณภาพมักเป็น contextual link ในเนื้อหา มีการตรวจสอบแก้ไข; สายเทามักเป็นลิงก์วางแปะ, sitewide (footer/sidebar), หรือ anchor ยัดคีย์เวิร์ด
– สัญญาณผู้ใช้: คุณภาพให้ทราฟฟิกออร์แกนิก คลิกจริง และ engagement; สายเทามักไม่มีทราฟฟิก และเด้งออกสูง
– ความยั่งยืน: คุณภาพอยู่ได้นานผ่านการอัปเดตอัลกอริทึม; สายเทาเสี่ยงหลุดดัชนีหรือโดนลบลิงก์
ความเสี่ยงของการตลาดสายเทา
– โดน Manual Action/Algorithmic Demotion ทำให้อันดับร่วงทั้งโดเมน
– ความผันผวนสูง ลิงก์หายรวดเร็ว เสียงสูญงบประมาณ
– ความเสียหายต่อแบรนด์และความน่าเชื่อถือ (E‑E‑A‑T)
– ปัญหากฎหมาย/ลิขสิทธิ์/โฆษณาแฝง หากวางลิงก์ในคอนเทนต์ละเมิด
– การพึ่งพาเครือข่ายเดียว ทำให้เกิด Footprint ตรวจจับได้ง่าย
อัปเดตแนวโน้มและเทคนิคสายเทาที่ควรระวัง: กลยุทธ์ SEO สายเทาในปี 2025 และบริการรับทำ SEO คุณภาพ https://ninjaseo.online/grey-hat-seo-2025/
วิธีเลือก Backlink คุณภาพอย่างเป็นระบบ
– ความเกี่ยวข้องเชิงหัวข้อ: เลือกโดเมน/หน้าเพจที่อยู่ในหมวดเดียวกันหรือมี topical map ใกล้เคียง
– ตัวชี้วัดทราฟฟิกจริง: ตรวจดูทราฟฟิกออร์แกนิกโดยประมาณและคีย์เวิร์ดที่ติดอันดับ (เช่น มีทราฟฟิกสม่ำเสมอ ไม่ใช่พุ่งสั้นๆ)
– คุณภาพเชิงบรรณาธิการ: มีผู้เขียนตัวจริง, หน้า About/Contact, นโยบายบรรณาธิการ, แนวทางเปิดเผย sponsored/UGC ชัดเจน
– โปรไฟล์ลิงก์ออก (Outbound): ไม่ปล่อยลิงก์ออกเชิงพาณิชย์มากเกิน, anchor เป็นธรรมชาติ, ไม่มีคาสิโน/18+ ปะปน
– รูปแบบลิงก์: เน้น contextual link ภายในบทความคุณภาพสูง; หลีกเลี่ยง sitewide และลิงก์ยัดคีย์เวิร์ด
– สัดส่วนแอตทริบิวต์: รู้จักใช้ rel=sponsored/ugc อย่างถูกต้องเมื่อเป็นลิงก์สปอนเซอร์ เพื่อคงความโปร่งใส
– ตรวจ Footprint: หลีกเลี่ยง PBN (IP/โฮสติ้งร่วม, ธีม/เทมเพลตรูปแบบเดียว, Whois ปกปิดทั้งหมด, เนื้อหาสั้นซ้ำซาก)
กลยุทธ์ได้ผลในระยะยาว
– Digital PR/HARO/ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็น แลกกับลิงก์บรรณาธิการจากสื่อ
– สร้าง Linkable Assets: รายงานอุตสาหกรรม, เครื่องมือฟรี, ข้อมูลสถิติที่อัปเดต
– Guest Post เชิงคุณภาพผ่านการคัดกรองแก้ไขจริง ไม่ซื้อวางลิงก์
– พันธมิตร/สมาคม/มหาวิทยาลัย/งานอีเวนต์ท้องถิ่น และ Local Citations สำหรับธุรกิจไทย
– คุม Anchor Text ให้หลากหลาย เน้นแบรนด์/ธรรมชาติ และค่อยๆ ปล่อยลิงก์เป็นช่วงเวลา (drip)
– ติดตามผลผ่าน Google Search Console, วิเคราะห์ลิงก์ใหม่/ลิงก์ที่หาย และคุณภาพทราฟฟิก
สัญญาณเตือนควรหลีกเลี่ยง: ขายแพ็กเกจ “ลิงก์จำนวนมากราคาถูก”, การันตี DA/อันดับ, เว็บไซต์ไม่มีทราฟฟิกจริง, คอนเทนต์สปิน, เครือข่ายโดเมนที่หน้าตาคล้ายกันทั้งหมด
ข้อเสนอแนะ: ลงทุนกับลิงก์ที่มีความเกี่ยวข้องและสร้างคุณค่าจริงต่อผู้อ่าน แม้ต้นทุนต่อลิงก์สูงกว่า แต่ลดความเสี่ยงและให้ผลยั่งยืนผ่านอัปเดตอัลกอริทึมในระยะยาว.
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม: จะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผลจากการทำ SEO?
ตอบ: โดยทั่วไปเห็นผลชัดเจนภายใน 3–6 เดือน ขึ้นกับความยากของคีย์เวิร์ด, ความแข็งแรงของโดเมน, คุณภาพคอนเทนต์/ลิงก์, ความเร็วการอนุมัติแก้ไข และงบประมาณ สัญญาณระยะแรกที่มักเห็นใน 4–8 สัปดาห์ ได้แก่ หน้าได้รับการจัดทำดัชนีครบขึ้น, Impressions ใน Google Search Console เพิ่ม, อันดับเริ่มไต่จากหน้าไกลเข้ามา (เช่น Top 20–50) และ Organic clicks เริ่มขยับ ทั้งนี้คีย์เวิร์ดแข่งขันสูงอาจใช้เวลา 6–12 เดือน หากต้องการทำความเข้าใจองค์ประกอบของหน้าผลการค้นหาและตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง อ่านเพิ่มเติมได้ที่ “SERP คืออะไร: ความสำคัญและการใช้งานเพื่อปรับปรุง SEO” https://ninjaseo.online/what-is-serp/
ถาม: ผู้ให้บริการสามารถการันตีอันดับหน้าแรกได้ไหม?
ตอบ: ไม่ควรการันตีอันดับตำแหน่งเฉพาะ เพราะอัลกอริทึมและการแข่งขันเป็นปัจจัยภายนอก สิ่งที่ควร “การันตี” คือขอบเขตงานและมาตรฐานผลลัพธ์ เช่น จำนวนบทความ/เทคนิคที่ปรับปรุง, SLA การส่งงาน, KPI ที่วัดได้ (เช่น จำนวนคีย์เวิร์ดใน Top 3/10, การมองเห็นรวม, Organic traffic, Conversions, คะแนน Core Web Vitals) พร้อมรายงานโปร่งใสรายเดือน
ถาม: นโยบายคืนเงินเป็นอย่างไร?
ตอบ: SEO เป็นบริการเชิงเวลาและความเชี่ยวชาญ จึงมักไม่คืนเงินในงานที่ดำเนินแล้ว แนวปฏิบัติที่พบได้บ่อยคือ ยกเลิกล่วงหน้า 30 วัน, คิดค่าบริการตามงานที่เสร็จ/เดือนที่ใช้งาน, คืนส่วนที่ยังไม่เริ่ม หรือคิดตาม Milestone ควรมี Exit clause ชัดเจน และระบุกรณีหยุดโครงการ/เหตุสุดวิสัยตั้งแต่ก่อนเริ่ม
ถาม: ข้อจำกัดทางเทคนิคใดกระทบผลลัพธ์มากที่สุด?
ตอบ: ปัจจัยที่มักจำกัดประสิทธิภาพ เช่น
– เว็บไซต์ช้า โฮสติ้งไม่เสถียร หรือ TTFB สูง
– จำกัดสิทธิ์แก้ไขโค้ด/ตั้งค่า CMS ทำให้แนะนำแล้วทำไม่ได้
– เรนเดอร์ JavaScript หนัก จน Googlebot เห็นคอนเทนต์ไม่ครบ
– การตั้งค่า robots.txt, sitemap, canonical, hreflang ผิด
– โครงสร้างหมวด/ฟิลเตอร์ทำให้เกิด duplicate หรือหน้าไร้คุณค่า
– บล็อกบอทด้วย WAF/CDN หรือไม่มีการติดตาม Conversion
คำแนะนำ: จัดลำดับแก้ไขเชิงเทคนิคควบคู่คอนเทนต์ และกำหนดผู้อนุมัติภายในให้ชัดเจน ดูเช็กลิสต์และแนวทางปฏิบัติใน “คู่มือการทำ On-page SEO ที่ครบเครื่อง” https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/
หมายเหตุเพื่อ SEO เพิ่มเติม: แนะนำติดตั้ง Structured Data ประเภท FAQPage/Article บนหน้านี้อย่างถูกต้อง เพื่อเพิ่มโอกาสแสดง Rich results และ CTR ให้สูงขึ้น ตามนโยบายของ Google.
เปรียบเทียบบริการ: ทำเอง VS จ้างฟรีแลนซ์ VS จ้างเอเจนซี่
การตัดสินใจเลือกรูปแบบการทำ SEO ควรพิจารณาต้นทุน ความเสี่ยง ผลลัพธ์ ความเร็วในการเห็นผล ระดับการควบคุม และความเชี่ยวชาญ รวมถึงความพร้อมด้านเครื่องมือและการทำ structured data เพื่อโอกาสแสดงผลแบบริชรีซัลต์
ทำเอง (In-house/DIY)
– ต้นทุน: ใช้เวลาเป็นหลัก + ค่าซอฟต์แวร์ 0–10,000+ บาท/เดือน (เช่น เครื่องมือคีย์เวิร์ด Crawler/On-page, Rank tracking) และทรัพยากรเขียนคอนเทนต์/ปรับเทคนิค (อ่านเพิ่ม: คู่มือการทำ On-page SEO https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/)
– ความเสี่ยง: ขาดประสบการณ์ทำให้แก้ปัญหาเทคนิคช้า เสี่ยงทำเกิน (over‑optimize) หรือทำลิงก์คุณภาพต่ำ ทำให้เสียเวลา/โอกาส
– ผลลัพธ์: เห็นผลช้ากว่า (3–12 เดือน) แต่ควบคุมได้ 100% และสะสมความรู้ในทีม เหมาะกับธุรกิจงบจำกัดที่มีเวลาและคนทำคอนเทนต์/Dev
– Structured data: ใช้ JSON‑LD สำหรับ Organization, Product/Service, FAQPage, Article, Breadcrumb ทดสอบด้วย Rich Results Test และติดตามใน GSC
จ้างฟรีแลนซ์
– ต้นทุน: โดยทั่วไป 10,000–40,000+ บาท/เดือน หรือรายโปรเจ็กต์ 20,000–120,000 บาท คุ้มค่าสำหรับงานเฉพาะทาง/เร่งเริ่มต้น
– ความเสี่ยง: Single point of failure ตารางงานไม่แน่นอน คุณภาพผันผวน ต้องตรวจวิธีทำลิงก์ให้ปลอดภัย (ดูแนวทางเลือกบริการและความเสี่ยงสายเทา https://ninjaseo.online/hire-seo-services-gray-hat/)
– ผลลัพธ์: เร็วกว่า DIY หากสโคปชัด มีแผนคอนเทนต์/เทคนิคที่ลงมือได้ทันที เหมาะกับ SMB ที่ต้องการความยืดหยุ่น
– สิ่งที่ต้องขอ: พอร์ต/ตัวอย่างรายงาน KPI, แผนลิงก์, แผน structured data และ SLA การสื่อสาร
จ้างเอเจนซี่
– ต้นทุน: ราว 25,000–150,000++ บาท/เดือน (เอ็นเตอร์ไพรส์อาจ 100k–300k) ได้ทีมครบทั้งเทคนิค คอนเทนต์ ลิงก์ Digital PR และ Analytics
– ความเสี่ยง: ผูกสัญญา 6–12 เดือน เสี่ยง overpromise/กลยุทธ์ไม่ตรงอุตสาหกรรม ควรถามแนวทางลิงก์และกระบวนการ QA
– ผลลัพธ์: คาดการณ์ได้กว่า มีทรัพยากรสเกลงาน เร่งการเติบโตและการขยายหลายภาษา/โดเมน พร้อมรายงานและการจัดการผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
– Structured data: มักมีมาตรฐานการทำ Schema, เทมเพลตรายงาน Enhancements จาก GSC/Looker Studio
เลือกอย่างไรดี
– งบประมาณและความพร้อมทีม: งบต่ำ/ต้องการควบคุมสูง = ทำเอง; ต้องการคุ้มค่า/ลงมือเร็ว = ฟรีแลนซ์; ต้องการสเกล/ความสม่ำเสมอ = เอเจนซี่
– เป้าหมายและเวลา: ต้องการผลลัพธ์มั่นคงใน 6–12 เดือนและมีเป้าหมายเชิงธุรกิจชัดเจน เลือกผู้ที่เสนอโรดแมป KPI ชัด + PoC/พรมแดนงาน 3 เดือนพร้อม Exit Clause
– ไม่ว่าเลือกทางใด ควรกำหนดมาตรฐาน structured data ตั้งแต่ต้น ตรวจด้วย Rich Results Test/GSC และบันทึกการเปลี่ยนแปลงในระบบเวอร์ชันคอนโทรลเพื่อการวัดผลที่แม่นยำ
สรุปและข้อเสนอแนะ
ถ้างบประมาณจำกัด เป้าหมายคือทำพื้นฐานให้แข็งแรงก่อน แล้วค่อยขยายแบบ scalable งานที่ได้ผลคุ้มทุนที่สุดคือ Technical SEO, เนื้อหาคุณภาพ และการวัดผลที่ชัดเจน
แผนเริ่มต้นแบบประหยัด (ไล่ลำดับความสำคัญ)
– เดือนที่ 1: Audit พื้นฐานและแก้ Quick Wins
• ใช้เครื่องมือฟรี/ต้นทุนต่ำ: Google Search Console, GA4, PageSpeed Insights/Lighthouse, Ahrefs Webmaster Tools (ฟรี), Screaming Frog (ฟรี 500 URLs)
• แก้ปัญหา indexation, 404/redirect, duplicate, sitemap/robots, Core Web Vitals, โครงสร้างหัวข้อและ internal link
– เดือนที่ 2: วางกลยุทธ์คีย์เวิร์ดและคอนเทนต์
• ทำ keyword mapping หน้าเงิน (service/product) + สร้างคอนเทนต์ Pillar/Cluster ระยะยาว
• ปรับ On-Page: Title, Meta, H1-H3, Schema, EEAT (แสดงผู้เขียน/แหล่งอ้างอิง) ดูคู่มือ On-page แบบครบเครื่อง: https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/
– เดือนที่ 3: สร้างความน่าเชื่อถือและ Local SEO
• ปรับ Google Business Profile, เก็บรีวิว, ทำ citation หลัก ๆ, สร้างเนื้อหาเชิงกรณีศึกษา/รีวิวลูกค้า
• ทำ Digital PR/Guest Post คุณภาพ (เลี่ยง PBN/ลิงก์สายเทา — อ่านเพิ่มเติมเรื่องความเสี่ยง: https://ninjaseo.online/seo-sai-tao/)
งบประมาณแนะนำตามระดับ
– 0–5,000 บาท/เดือน: ทำเอง + ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญรายชั่วโมงเป็นครั้งคราว
– 5,000–15,000 บาท/เดือน: จ้างฟรีแลนซ์ทำ Audit + Roadmap + ตรวจงานรายเดือน
– 15,000–30,000 บาท/เดือน: Retainer ขนาดเล็ก ครอบคลุม On-Page, คอนเทนต์รายเดือน, Local SEO พื้นฐาน
ชุดเครื่องมือจำเป็น (เลือกเท่าที่ใช้):
– วิจัยคีย์เวิร์ด: Google Keyword Planner, Google Trends, AlsoAsked/AnswerThePublic (ฟรีบางส่วน)
– On-Page/Schema: Yoast/Rank Math, Schema.org generators
– ติดตามอันดับ/คอนเทนต์: GSC, GA4, Looker Studio Dashboard
Structured Data ที่ควรมีเพื่อผลลัพธ์ใน SERP ที่ดี
– Organization/LocalBusiness, WebSite (Sitelinks Search Box), BreadcrumbList
– Article/BlogPosting สำหรับบทความนี้ และ FAQPage หากมีคำถามที่พบบ่อย
ตัวชี้วัดช่วงเริ่มต้น (3–6 เดือน)
– ดัชนีหน้าเพิ่มขึ้น, Core Web Vitals ผ่าน, CTR ดีขึ้น, คำหลักเป้าหมายเริ่มติด Top 20, ทราฟฟิก Organic เติบโตต่อเนื่อง
ข้อเสนอแนะสุดท้าย: โฟกัสคุณภาพเนื้อหา + เทคนิคพื้นฐาน + การวัดผลที่สม่ำเสมอ แล้วค่อยเพิ่มงบไปที่คอนเทนต์และ PR ที่สร้างลิงก์ธรรมชาติ เพื่อความยั่งยืนและคุ้มค่าที่สุด
Call to Action
พร้อมให้ Ninjaseo ช่วยคุณตัดสินใจอย่างมั่นใจ ตั้งแต่การประเมินงบประมาณ ไปจนถึงแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน เลือกขั้นตอนถัดไปที่เหมาะกับคุณได้ทันที:
1) เช็คราคาแพ็กเกจ
– ดูช่วงราคาและสิ่งที่ครอบคลุมในแต่ละแพ็กเกจ (On-page [คู่มือ: https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/], Content, Technical, Backlink, Reporting)
– เปรียบเทียบความคุ้มค่าตามเป้าหมายธุรกิจ: เพิ่มทราฟฟิก, เพิ่มลีด, เพิ่มยอดขายอีคอมเมิร์ซ
– รับข้อเสนอเบื้องต้นที่ปรับตามอุตสาหกรรมและความยากของคีย์เวิร์ด
2) ดาวน์โหลดตัวอย่างรายงาน
– ตัวอย่างแดชบอร์ด Looker Studio ที่เชื่อม GA4/GSC พร้อม Metric สำคัญ (Organic Sessions, Clicks, CTR, Conversions, Revenue)
– ตัวอย่างรายงานรายเดือน: งานที่ดำเนินการ (Deliverables), การเปลี่ยนแปลงอันดับ, แผนเดือนถัดไป
– เช็กลิสต์คุณภาพล