Ninja SEO

ถ้าคุณกำลังเริ่มยิงโฆษณาออนไลน์ คำถามแรก ๆ คือ “ควรทำ SEO หรือยิง Google Ads ดี?” คำตอบสั้น ๆ คือ ทำทั้งคู่ แต่เลือกสัดส่วนให้เหมาะกับเป้าหมายและงบในมือ บทความนี้จะพาคุณเข้าใจความต่างระหว่าง SEO กับ Google Ads แบบใช้งานได้จริง อธิบายหลักการทำงานของ Google Ads ตั้งแต่การประมูล (Ad Rank) กลยุทธ์การเสนอราคา ไปจนถึงการตั้งค่า Conversion Tracking (GA4/GTM) พร้อมตัวอย่างงบจริง (วันละ 300 vs 3,000 บาท), KPI/Benchmark ล่าสุดปี 2024–2025 ในสกุลเงินบาท, เคสสตั๊ดดี้จริง และไฟล์ดาวน์โหลดสำหรับเริ่มต้นทันที ปิดท้ายด้วย CTA “ติดต่อรับคำปรึกษาฟรี” และ “เช็คราคาแพ็กเกจ” จากบริการของ www.ninjaseo.online เพื่อช่วยคุณวางแผนให้คุ้มงบและเห็นผลเร็วขึ้น.

บทนำ: Google Ads คืออะไร — และทำไมควรเรียนรู้



Google Ads คือแพลตฟอร์มโฆษณาของ Google ที่ให้ธุรกิจจ่ายเงินเพื่อปรากฏต่อหน้าผู้คนในช่วงเวลาที่ “ตั้งใจ” ค้นหาหรือกำลังเสพคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะบน Search, เว็บไซต์เครือข่าย Display หรือ YouTube จุดแข็งคือเข้าถึงเจตนาได้ตรงจังหวะ วัดผลละเอียดแบบเรียลไทม์ ปรับงบ/หยุด/ทดสอบได้ทันที ต่างจากสื่อดั้งเดิมที่วัดผลยากและปรับตัวช้า หากยังไม่คุ้นกับองค์ประกอบของหน้าผลลัพธ์การค้นหา (SERP) แนะนำให้อ่าน: SERP คืออะไร: ความสำคัญและการใช้งานเพื่อปรับปรุง SEO (https://ninjaseo.online/what-is-serp/)

จุดที่มือใหม่ต้องรู้

  • โฆษณาแสดงผลผ่านการประมูลแบบเรียลไทม์ (Ad Auction) ทุกครั้งที่มีการค้นหาหรือการเสพสื่อ ผู้ชนะไม่ได้ขึ้นกับราคาอย่างเดียว แต่รวมถึงคุณภาพโฆษณาและประสบการณ์หน้า Landing
  • คุณจ่ายเงินตามโมเดลที่เลือก (CPC/CPM/CPA) และตั้งงบประมาณรายวันได้ ทำให้ควบคุมความเสี่ยงและขยายผลได้เป็นขั้นตอน
  • ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอยู่กับ 3 แกนหลัก: คีย์เวิร์ด/กลุ่มเป้าหมายที่แม่น, ครีเอทีฟและหน้า Landing ที่โหลดเร็ว-ชัดเจน, และข้อมูล Conversion ที่ติดตามได้ถูกต้อง หากต้องการดูขั้นตอนทำจริงทีละสเต็ป ดูคู่มือ: วิธีทำ Google Ads อย่างมืออาชีพ เพิ่มยอดขายด้วยการยิงแอดกูเกิล (https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/)

ทำไมควรเรียนรู้ตอนนี้
คู่แข่งส่วนใหญ่ใช้ Google เป็นช่องทางหลักในการหาลูกค้า การเข้าใจโครงสร้างแคมเปญ หลักการประมูล (Ad Rank/Quality Score) และการวัดผล จะช่วยใช้ทุกบาทคุ้มค่าขึ้น ลดค่า CPA เพิ่ม ROAS และขยายยอดขายอย่างยั่งยืน เหมาะทั้งธุรกิจที่เริ่มต้น และทีมที่ต้องการยกระดับจาก “ลองยิง” ไปสู่การทำงานที่อิงข้อมูลจริง

หมายเหตุสำหรับคู่มือนี้: เราจะอัปเดต Benchmark ปี 2024–2025 ให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรม และหากมี First‑party data ให้ใช้อ้างอิงแทนค่าเฉลี่ย แนบสกรีนช็อตจริงจาก Google Ads UI ภาษาไทย (ปี 2025) พร้อมปิดข้อมูลส่วนบุคคล ใส่ลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์ (Sheets/PDF/GIF) ในส่วนทรัพยากร และทบทวนนโยบายล่าสุด รวมถึง Consent Mode v2/PDPA ก่อนเปิดใช้งาน ทั้งยังแนะนำให้วางปุ่มแชร์ LINE, Facebook, X ที่ต้นและท้ายบทความ

SEO กับ Google Ads ต่างกันยังไง (เลือกอะไร เมื่อไหร่)



สรุปเร็ว ๆ:

  • SEO = ทราฟฟิกออแกนิกที่งอกเงยตามเวลา ต้องใช้ 3–6 เดือนขึ้นไปจึงเห็นผลชัด เหมาะกับการสร้างฐานระยะยาว ลดต้นทุนต่อคลิกในอนาคต ควบคุมผลลัพธ์ระยะสั้นได้น้อยกว่า (เริ่มต้นให้ถูกต้องด้วยคู่มือ On-page แบบครบเครื่อง: https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/)
  • Google Ads = ทราฟฟิกทันที เปิด–ปิดได้ตามงบและช่วงเวลา กำหนดผู้ชม/คีย์เวิร์ด/พื้นที่ได้ละเอียด จ่ายตามคลิก/การมองเห็น/คอนเวอร์ชัน เหมาะเร่งยอดหรือทดสอบตลาดอย่างรวดเร็ว (ดูวิธีทำแคมเปญอย่างมืออาชีพ: https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/)

เลือกอย่างไร:

  • ระยะสั้น (0–90 วัน): ให้สัดส่วน Ads มากกว่า เพื่อเก็บข้อมูลคีย์เวิร์ด โฆษณา และข้อเสนอ (offer) ที่เวิร์ก แล้วนำอินไซต์กลับไปพัฒนา SEO/คอนเทนต์และหน้าเว็บ
  • ระยะกลาง–ยาว (90+ วัน): ทำทั้งคู่ โดยใช้ Ads ขยายสิ่งที่พิสูจน์แล้ว (scale) และใช้ SEO ครองคีย์เวิร์ดที่คุ้มค่าในระยะยาว เพื่อลด CAC/CPA โดยรวม

กรณีใช้งานจริง:

  • เปิดตัวสินค้า/โปรโมชัน: เริ่มด้วย Google Ads ประเภท Search, Performance Max, และ YouTube เพื่อสร้างอุปสงค์และยอดขายทันที จากนั้นทำ SEO บทความ/รีวิว/FAQ รองรับคำค้นที่คนเริ่มเสิร์ชหลังเห็นแคมเปญ
  • ธุรกิจท้องถิ่น: ทำ Google Business Profile ให้สมบูรณ์ + Local Search Ads/Performance Max (ตั้งพื้นที่ใกล้สาขา) ควบคู่กับ Local SEO (รีวิว, NAP, หน้า Location) เพื่อครองทั้งโฆษณาและแผนที่
  • B2B คีย์เวิร์ดแพง: ใช้ SEO เก็บคีย์เวิร์ดกลาง–ท้ายทาง (เช่น เปรียบเทียบ, โซลูชัน, กรณีศึกษา) ส่วน Ads ยิงเฉพาะคีย์เวิร์ดที่มี Intent ซื้อสูงพร้อมหน้าฟอร์ม/เดโม่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายสูญเปล่า

ข้อควรจำก่อนตัดสินใจ:

  • อัปเดตตัวเลข Benchmark ให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมของคุณ และถ้ามี First‑party data ให้ใช้แทนค่าเฉลี่ย
  • เตรียมสกรีนช็อตจริงจาก Google Ads UI ภาษาไทย (ปี 2025) สำหรับขั้นตอนสำคัญ และปิดข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเผยแพร่
  • ใส่ลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์จริง (เช่น Sheets/PDF/GIF) ในส่วนทรัพยากรเพื่อให้ทีมทำตามได้ทันที
  • ตรวจสอบนโยบายล่าสุดของ Google Ads และ Consent Mode v2/PDPA ก่อนเปิดใช้จริง
  • เพิ่มปุ่มแชร์โซเชียล (LINE, Facebook, X) ตอนต้นและท้ายบทความเพื่อกระจายการเข้าถึง

ต้องการวางสัดส่วน SEO/Ads ให้เหมาะกับงบและเป้าหมาย ติดต่อรับคำปรึกษาฟรีที่ www.ninjaseo.online (มีบริการวิเคราะห์แคมเปญและวางแผนผสมผสาน SEO/SEM)

ภาพรวมประเภทโฆษณา: Search, Display, YouTube, Shopping, App — ใช้เมื่อไหร่ดี

  • Search Ads: เหมาะเมื่อผู้ใช้มีเจตนาค้นหา (High Intent) เช่น “จองคิวทันตแพทย์ ใกล้ฉัน”, “ซื้อประกันสุขภาพ ออนไลน์” ข้อดี: CTR สูง วัดผลตรงไปตรงมา เชื่อมโยงคำค้นกับหน้า Landing ได้ชัดเจน เข้าใจบริบทการแสดงผลบนหน้าผลลัพธ์การค้นหา SERP (https://ninjaseo.online/what-is-serp/) จะช่วยเลือกคำและข้อความโฆษณาได้แม่นขึ้น ข้อควรระวัง: CPC อาจสูงในคำแข่งขัน ควรโฟกัสคำตั้งใจกลาง–ท้ายทาง, ใช้ Match Type/Negative Keywords และปรับโฆษณาตาม Intent
  • Display (GDN): เหมาะสร้างการรับรู้/รีมาร์เก็ตติ้ง เข้าถึงกว้าง ราคาต่อการมองเห็น (CPM) ต่ำ ข้อควรระวัง: Intent ต่ำ ควรใช้ Targeting ให้แคบ (เช่น Remarketing/Custom Segments/Placements) และครีเอทีฟที่ภาพเด่น ข้อความชัด CTA แข็งแรง
  • YouTube: ดีสำหรับเล่าเรื่องแบรนด์ รีวิวสั้น เดโมสินค้า ฟอร์แมตแนะนำ: In‑stream skippable, Bumper 6 วินาที, In‑feed วัดผลด้วย View Rate, CPV, และ Assisted Conversions (ดูผลช่วยปิดการขายจากช่องทางอื่น) ควรมี Hook 0–3 วิ โลโก้/USP ชัด และ End card พร้อม CTA
  • Shopping (ผ่าน Merchant Center): สำหรับอีคอมเมิร์ซ แสดงรูป ราคา โปรโมชัน และรีวิว บนหน้าค้นหา โฟกัสคุณภาพฟีด: ชื่อสินค้า/หมวดหมู่/GTIN/ภาพชัด/สต็อกจริง/รีวิวดี และใช้ Performance Max เพื่อสเกลทราฟฟิกเชิงพาณิชย์
  • App Campaign: โปรโมตติดตั้ง/อีเวนต์ในแอป ให้ Smart Bidding เรียนรู้จาก event (install, purchase, signup) ใช้ทรัพยากรข้อความ/รูป/วิดีโอหลายแบบ และตั้งค่า tCPI/tCPA ตามเป้าหมาย

เลือกตามเป้าหมาย

  • Awareness: YouTube + Display (CPM/CPV) สำหรับเข้าถึงวงกว้างและจดจำแบรนด์
  • Consideration/Traffic: Search (คำตั้งใจกลาง–ท้ายทาง) + Discovery/Performance Max เพื่อดันผู้สนใจเข้าสู่ไซต์
  • Conversion/Lead: Search เป็นแกน + Remarketing (Display/YouTube) ใช้ tCPA/tROAS เมื่อมีคอนเวอร์ชันเพียงพอ

หมายเหตุใช้งานจริง

  • อัปเดตตัวเลข Benchmark ให้สอดคล้องอุตสาหกรรม หรือใช้ First‑party data หากมี
  • เตรียมสกรีนช็อต Google Ads UI ภาษาไทย (ปี 2025) สำหรับขั้นตอนสำคัญ และปิดข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเผยแพร่ ดูเพิ่มเติมใน “วิธีทำ Google Ads อย่างมืออาชีพ” (https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/)
  • ตรวจสอบนโยบายล่าสุดของ Google Ads และ Consent Mode v2/PDPA ก่อนเปิดใช้จริง และเพิ่มปุ่มแชร์โซเชียล (LINE, Facebook, X) ตอนต้น/ท้ายบทความ

หลักการทำงานของ Google Ads: การประมูล, Ad Rank, Quality Score (พร้อมตัวอย่างตัวเลข)

ทุกครั้งที่มีการค้นหา ระบบจะเปิดการประมูลแบบเรียลไทม์เพื่อคำนวณลำดับโฆษณา (Ad Rank) ว่าจะแสดงโฆษณาใด ตำแหน่งไหน หรือไม่แสดงเลย ปัจจัยหลักได้แก่: 1) ราคาเสนอ (Bid) 2) คุณภาพโฆษณา/คีย์เวิร์ด/หน้าเว็บ (ประมาณด้วย Quality Score: ความเกี่ยวข้องโฆษณา, CTR คาดการณ์, ประสบการณ์หน้า Landing) และ 3) ผลกระทบคาดการณ์จากส่วนขยาย/แอสเซ็ต (Ad assets) ทั้งยังพิจารณาสัญญาณบริบท เช่น คำค้น อุปกรณ์ พื้นที่ เวลา ประวัติประสิทธิภาพ และเกณฑ์ขั้นต่ำของตำแหน่งโฆษณา (thresholds) หากต้องการภาพรวมการตั้งค่าและเทคนิคแบบลงมือทำ อ่านวิธีทำ Google Ads อย่างมืออาชีพ เพิ่มยอดขายด้วยการยิงแอดกูเกิล: https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/

แนวคิดสูตรอย่างง่าย: Ad Rank ≈ Bid × คุณภาพ (+ ผลกระทบจาก assets และสัญญาณอื่น ๆ) ผู้ชนะไม่ได้จ่ายราคาเสนอเต็ม แต่จ่าย “ราคาขั้นต่ำที่ต้องชนะ” เพื่ออยู่เหนือลำดับถัดไป

Auction flow (ย่อ):

  • ผู้ใช้พิมพ์คำค้น → ระบบดึงโฆษณาที่มีสิทธิ์ (ตรวจชนิดการจับคู่คีย์เวิร์ด, Negative, พื้นที่/ภาษา/อุปกรณ์, งบประมาณ, นโยบาย)
  • คำนวณ Ad Rank ให้แต่ละราย: พิจารณา Bid, คุณภาพ, ผลกระทบจาก assets, และ thresholds
  • จัดอันดับและกำหนดว่าจะขึ้น Top/Bottom หรือไม่แสดง
  • คิดค่า CPC ที่ต่ำสุดที่ต้องชนะตามลำดับคู่แข่งถัดไป

ตัวอย่างการคำนวณ (สมมติ):

  • ผู้ลงโฆษณา A: Bid 20 บาท, คุณภาพ 9 → Ad Rank 180
  • B: Bid 30 บาท, คุณภาพ 4 → Ad Rank 120
  • C: Bid 15 บาท, คุณภาพ 7 → Ad Rank 105

ลำดับแสดงผล: A (อันดับ 1), B (อันดับ 2), C (อันดับ 3)
CPC โดยประมาณของ A ≈ (Ad Rank ของอันดับถัดไป ÷ คุณภาพของ A) + 0.01 = (120 ÷ 9) + 0.01 ≈ 13.35 บาท
หมายเหตุ: หากคำนวณให้ B ต่อ จะได้ ≈ (105 ÷ 4) + 0.01 ≈ 26.26 บาท

บทเรียนสำคัญ:

  • การเพิ่มคุณภาพช่วยลด CPC และชนะอันดับได้ แม้ Bid ต่ำกว่า
  • การเติมแอสเซ็ตคุณภาพดีเพิ่ม Ad Rank และ CTR โดยไม่ต้องขึ้น Bid มาก
  • งบประมาณรายวันไม่กำหนดอันดับโดยตรง แต่จำกัดโอกาสแสดง

วิธีเพิ่มคุณภาพอย่างเร็ว:

  • จัดกลุ่มคีย์เวิร์ดแคบ (SKAG แบบยืดหยุ่น) ใช้ Exact/Phrase ให้ตรงเจตนา และใส่ Negative อย่างเป็นระบบ
  • เขียน RSA ให้ถ้อยคำตรงคีย์เวิร์ด ใช้ Keyword Insertion อย่างพอดี ปักหมุด (pin) เฉพาะข้อความสำคัญ
  • ปรับหน้า Landing ให้เร็ว (LCP < 2.5s), เนื้อหาตรงกับคำค้น, มี CTA ชัด, รองรับมือถือ, มี Trust signals (ดูคู่มือการทำ On-page SEO ที่ครบเครื่อง: https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/ เพื่อยกระดับความเกี่ยวข้อง เนื้อหา และ Core Web Vitals)
  • เติม assets: Sitelinks, Callouts, Structured snippets, Call/Location, Price, Image และทรัพย์สินเฉพาะธุรกิจ

เชิงปฏิบัติสำหรับการเผยแพร่:

  • อัปเดต Benchmark ให้ตรงอุตสาหกรรมผู้อ่าน หรือใช้ First-party data หากมี
  • เตรียมสกรีนช็อต Google Ads UI (ภาษาไทย ปี 2025) ปกปิดข้อมูลส่วนบุคคล
  • ตรวจนโยบายล่าสุด + Consent Mode v2/PDPA ก่อนปล่อยแคมเปญ และใส่ปุ่มแชร์ LINE/Facebook/X ต้น-ท้ายบทความ

โมเดลค่าโฆษณาและการตั้งงบ (CPC/CPM/CPA/tCPA/tROAS) + ตัวอย่างงบวันละ 300 vs 3,000 บาท

ทำความเข้าใจโมเดลการจ่ายเงินคือกุญแจตั้งงบให้คุ้มค่า และเลือกกลยุทธ์ให้ตรงเป้าธุรกิจของคุณ

โมเดลจ่ายเงินหลัก (ใช้เมื่อไหร่ดี)

  • CPC (Cost per Click): จ่ายต่อคลิก เหมาะกับ Search/Display ที่ต้องการทราฟฟิกคุณภาพและวัดผลแปลงได้ชัดเจน คุมต้นทุนต่อคลิกได้ดี
  • CPM (Cost per 1,000 Impressions): จ่ายต่อการมองเห็น เหมาะกับ Awareness/Reach บน Display/YouTube เมื่อเป้าหมายคือการรับรู้ในวงกว้าง
  • CPV (Cost per View): จ่ายต่อการดูวิดีโอ (เช่น ดู ≥30 วิ หรือมีการมีส่วนร่วม) เหมาะกับ YouTube ทั้ง Awareness และ Consideration
  • tCPA (Target CPA): ให้ระบบปรับประมูลอัตโนมัติเพื่อให้ได้ต้นทุนต่อคอนเวอร์ชันตามเป้า เหมาะกับโฟกัส Lead/สมัครใช้/สั่งซื้อชิ้นเดียว ควรมีดาต้าคอนเวอร์ชันเพียงพอ (แนะนำ ≥30 ครั้ง/30 วัน) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Smart Bidding ที่ขับเคลื่อนด้วย AI/ML ดูภาพรวมการใช้ AI ในการตลาดที่: https://ninjaseo.online/introduction-to-ai-marketing/
  • tROAS (Target ROAS): ให้ระบบไล่หามูลค่ารวมให้ได้ตาม ROAS เป้า เหมาะกับ E‑commerce/Multi‑value ควรส่งค่า Conversion Value ที่ถูกต้องและมีดาต้าต่อเนื่อง (แนะนำ ≥50 ครั้ง/30 วัน)

เริ่มตั้งงบยังไงดี

  • เริ่มที่ 300–1,000 บาท/วันเพื่อ “เรียนรู้ตลาด” เก็บข้อมูลคีย์เวิร์ด/คำค้น/อุปกรณ์/ภูมิศาสตร์
  • ขยายงบเมื่อ CPA/ROAS เริ่มเสถียร 1–2 สัปดาห์ติด หรือเมื่อมีคอนเวอร์ชันสะสมเพียงพอสำหรับ Smart Bidding ดูสเต็ปตั้งค่าจริงและตัวอย่างในคู่มือ: https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/
  • กฎจำง่าย: งบรายวันอย่างน้อย 5–10 เท่าของ CPA เป้า หรือให้ได้ 20–50 คลิก/วัน เพื่อให้วิเคราะห์สถิติได้จริง

ตัวอย่างคำนวณ (Search, ไทย)
สมมติ CPC เฉลี่ย 12 บาท, อัตราแปลง (CVR) 5%
– งบ 300 บาท/วัน → คลิก ~25 ครั้ง → คอนเวอร์ชัน ~1.25 → CPA ≈ 240 บาท
– งบ 3,000 บาท/วัน → คลิก ~250 ครั้ง → คอนเวอร์ชัน ~12.5 → CPA ≈ 240 บาท
หมายเหตุ: แม้ CPA ใกล้กัน แต่งบสูงเรียนรู้เร็วกว่า มีดาต้าพอสำหรับ Smart Bidding และทดสอบ A/B ได้พร้อมกันมากขึ้น (ตัวเลขจริงแปรผันตามอุตสาหกรรม/คีย์เวิร์ด/หน้า Landing)

Benchmark ย่อ (ประมาณการเริ่มต้น)

  • ร้านเสื้อผ้าออนไลน์: CPC 6–15 บาท, CVR 1.5–3%, ROAS เป้า 300–600%
  • คลินิกความงาม (Lead): CPC 15–40 บาท, CVR 5–12%, CPA เป้า 150–600 บาท
  • B2B ซอฟต์แวร์ (Lead): CPC 20–60 บาท, CVR 3–8%, CPA เป้า 300–1,200 บาท

ทิป/เช็กลิสต์ก่อนปล่อยจริง

  • อัปเดต Benchmark ให้ตรงอุตสาหกรรมของคุณ และใช้ First‑party data แทนค่าเฉลี่ยเมื่อมี
  • ตรวจนโยบายล่าสุด Google Ads, Consent Mode v2/PDPA ให้ครบก่อนรัน
  • เตรียมสกรีนช็อต UI (TH, 2025) ปิดข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเผยแพร่ และใส่ลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์ทรัพยากร (Sheets/PDF/GIF)
  • เพิ่มปุ่มแชร์โซเชียล (LINE, Facebook, X) ต้น/ท้ายบทความ เพื่อเพิ่มการกระจาย

กลยุทธ์การเสนอราคา: Manual vs Smart Bidding (แนะนำการเลือก)

การเลือกกลยุทธ์การเสนอราคาเป็นตัวคูณผลลัพธ์ของแคมเปญ ยิ่งสัญญาณคอนเวอร์ชันดี เทมเพลตโฆษณาและหน้าแลนดิงแข็งแรง Smart Bidding จะยิ่งทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ (ขับเคลื่อนด้วยแมชชีนเลิร์นนิง อ่านเพิ่ม: AI Marketing: https://ninjaseo.online/introduction-to-ai-marketing/) แต่หากเริ่มต้นยังข้อมูลน้อย Manual/กึ่งอัตโนมัติช่วยคุมความเสี่ยงได้ดีกว่า ดูภาพรวมเวิร์กโฟลว์และตัวอย่างจริงใน วิธีทำ Google Ads อย่างมืออาชีพ: https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/

ตัวเลือกหลัก

  • Manual CPC: ควบคุมได้ละเอียด เหมาะช่วงเริ่มต้นทดสอบคีย์เวิร์ดจำนวนน้อย หรือมีข้อจำกัดเฉพาะ เช่น งบจำกัด/ต้องการคุมอันดับเฉพาะคีย์
  • Maximize Clicks: เร่งเก็บคลิกและข้อมูลเมื่อยังไม่มี Conversion Data ควรกำหนดเพดาน CPC เพื่อกันค่าใช้จ่ายพุ่ง
  • Maximize Conversions / tCPA: ใช้เมื่อมีคอนเวอร์ชัน ≥ 15–30 รายการภายใน 30 วันต่อแคมเปญ/กลุ่มโฆษณา เริ่มด้วย Max Conversions แล้วค่อยล็อกเป้าเป็น tCPA เมื่อข้อมูลนิ่ง
  • Maximize Conversion Value / tROAS: เหมาะอีคอมเมิร์ซหรือธุรกิจที่ส่งค่า revenue/มูลค่าคอนเวอร์ชันกลับเข้าสู่ระบบ (GA4/gtag/GTM) เริ่มแบบ Max Value แล้วจึงตั้ง tROAS

แนวทางเลือกแบบเร็ว

  • ไม่มีข้อมูลเลย: Maximize Clicks (ใส่ CPC เพดาน) หรือ Manual CPC + เก็บคอนเวอร์ชันให้ครบก่อน
  • มีข้อมูลเริ่มต้น: Maximize Conversions → เปลี่ยนเป็น tCPA เมื่อกราฟเสถียร
  • อีคอมเมิร์ซ: Maximize Conversion Value → เปลี่ยนเป็น tROAS เมื่อสเถียร

ค่าตั้งต้นแนะนำ (ปรับตามอุตสาหกรรม/ข้อมูล First‑party)

  • Manual CPC: ตั้งเริ่ม 50–70% ของ break‑even CPC หรือเท่ากับ CPC เฉลี่ยในบัญชีช่วง 7–14 วันล่าสุด
  • Maximize Clicks: ใส่ CPC cap ใกล้เคียง CPC ที่ยอมรับได้ต่อคลิกแรก (เช่น 6–15 บาทสำหรับคีย์ทั่วไป; ปรับตาม Benchmark)
  • tCPA: เริ่มเท่ากับค่า CPA เฉลี่ย 30 วันล่าสุด หรือ Benchmark อุตสาหกรรม (เช่น 120–450 บาทสำหรับ Lead ทั่วไป) แล้วค่อยลดทีละ 10–15%
  • tROAS: เริ่มจาก 200–400% สำหรับตะกร้าเล็ก และ 400–800% สำหรับตะกร้าใหญ่ ปรับตามมาร์จิน

ทริคให้เวิร์ก

  • ตั้ง bid limits อย่างระมัดระวังใน Smart Bidding ช่วงแรก เพื่อไม่บีบการเรียนรู้
  • เว้นช่วง Learning 7–14 วันทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ (งบ/เป้าหมาย/โครงสร้าง) อย่ารีเซ็ตบ่อย
  • แยกแคมเปญตามเป้าหมาย/งบ เพื่อไม่ให้สัญญาณปะปน และจัดสรรงบได้แม่น
  • เปิด Enhanced Conversions/Consent Mode v2 และตั้งค่าคอนเวอร์ชันใน GA4 ให้ถูกต้อง เพื่อให้ Smart Bidding ใช้สัญญาณได้ครบ

หมายเหตุ: อัปเดต Benchmark ให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมของผู้อ่าน หากมีข้อมูล First‑party ให้ใช้แทนค่าเฉลี่ย และเตรียมสกรีนช็อต UI ภาษาไทย (2025) พร้อมปิดข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเผยแพร่.

KPI ที่ต้องติดตาม + Benchmark ปี 2024–2025 (THB) แยกตามอุตสาหกรรม/วัตถุประสงค์

การตั้ง KPI ที่ชัดเจนช่วยให้บริหารงบและตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งด้านการได้ลูกค้า (Leads) และยอดขาย (Revenue). ใช้ Benchmark ต่อไปนี้เป็นจุดเริ่มต้น จากนั้นปรับให้สอดคล้องกับข้อมูลจริงของธุรกิจคุณ ( หากเริ่มต้นใหม่ แนะนำอ่าน: วิธีทำ Google Ads อย่างมืออาชีพ เพิ่มยอดขายด้วยการยิงแอดกูเกิล https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/ )

KPI หลักที่ต้องจับตา

  • CTR (%) = อัตราคลิกต่อการแสดงผล วัดความเกี่ยวข้องของคีย์เวิร์ด/ข้อความโฆษณา
  • CPC (บาท) = ค่าใช้จ่ายต่อคลิก ใช้ควบคุมต้นทุนต่อทราฟฟิก
  • Conversion Rate (%) = สัดส่วนคลิกที่กลายเป็นคอนเวอร์ชัน วัดคุณภาพทราฟฟิก/แลนดิ้งเพจ
  • CPA (บาท) = ค่าใช้จ่ายต่อคอนเวอร์ชัน เปรียบเทียบกับเป้าต้นทุน/มูลค่าลูกค้า (LTV)
  • ROAS (%) = รายได้ ÷ ค่าโฆษณา x 100 สำหรับอีคอมเมิร์ซและการขายที่วัดรายได้
  • Impression Share / Top IS (%) = ส่วนแบ่งการแสดงผลรวม/ตำแหน่งบน บอกโอกาสที่ยังพลาด
  • View rate (YouTube) = อัตราการดูต่อ Impression ใช้วัดคุณภาพครีเอทีฟวิดีโอ

Benchmark (ไทย 2024–2025; ช่วงโดยประมาณ ใช้เป็นจุดเริ่มต้น)

  • ค้าปลีก/อีคอมเมิร์ซ (Search): CTR 5–8%, CPC 6–18 บาท, CVR 1.5–3%, ROAS 300–600%
  • การศึกษา/คอร์ส (Leads): CTR 4–7%, CPC 10–30 บาท, CVR 4–10%, CPA 120–450 บาท
  • สุขภาพ/คลินิก (Leads): CTR 5–9%, CPC 15–40 บาท, CVR 5–12%, CPA 150–600 บาท
  • อสังหา (Leads): CTR 4–7%, CPC 20–60 บาท, CVR 2–6%, CPA 400–1,200 บาท
  • B2B ซอฟต์แวร์ (Leads): CTR 3–6%, CPC 20–60 บาท, CVR 3–8%, CPA 300–1,200 บาท

หมายเหตุ: ตัวเลขแปรผันตามฤดูกาล แพลตฟอร์ม เครือข่าย และพื้นที่โฆษณา

วิธีใช้ Benchmark ให้เกิดผล

  • ตั้งค่าเป้าเริ่มต้นตามช่วงด้านบน แล้วเก็บข้อมูลจริง 30–60 วันเพื่อปรับเป้าให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรม/โมเดลธุรกิจของคุณ
  • หากมี First‑party data (อัตราปิดการขาย, AOV, Margin) ควรใช้แทนค่าเฉลี่ยตลาด
  • ใช้ Impression Share ตรวจโอกาสที่เสียไปจากงบไม่พอหรืออันดับต่ำ ปรับงบ/Bid ให้ครอบคลุมคีย์เวิร์ดทำเงิน
  • แคมเปญ YouTube ให้ติดตาม View rate ควบคู่ CPV/Reach และ Brand lift (ถ้ามี)

เกณฑ์การตีความเร็ว (ตัวอย่าง)

  • CTR ต่ำกว่าค่ากลาง >20%: ปรับข้อความ/ส่วนขยาย/ความเกี่ยวข้องคีย์เวิร์ด
  • CVR ต่ำ: ตรวจ UX/ความเร็วหน้า/ฟอร์ม/ข้อเสนอ (ดูคู่มือการทำ On-page SEO ที่ครบเครื่อง: https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/)
  • CPA สูง: ทบทวน Bid strategy, งบ, กลุ่มเป้าหมาย, Negative keywords
  • ROAS ต่ำ: ปรับราคา/โปรโมชัน/กฎปรับ Bid ตาม Margin

แดชบอร์ดที่ควรมี

  • รายงานระดับแคมเปญ/กลุ่มโฆษณา/คีย์เวิร์ด/คำค้น
  • รายงานทราฟฟิกไร้คุณภาพ (IP/เครือข่าย/เวลา/ตำแหน่ง)
  • รายงาน Funnel คลิก → คอนเวอร์ชัน (รวมค่าใช้จ่ายและ Drop‑off)
  • งบ/รายรับ/ROAS รายวัน + แจ้งเตือนเมื่อหลุด KPI

เช็กลิสต์ก่อนเผยแพร่

  • อัปเดต Benchmark ให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมผู้อ่าน และใช้ First‑party data หากมี
  • เตรียมสกรีนช็อตจริงจาก Google Ads UI ภาษาไทย (ปี 2025) โดยปิดข้อมูลส่วนบุคคล
  • ใส่ลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์จริง (Sheets/PDF/GIF) ในส่วนทรัพยากร
  • ตรวจนโยบาย Google Ads ล่าสุด และ Consent Mode v2/PDPA ก่อนเปิดใช้จริง
  • เพิ่มปุ่มแชร์โซเชียล (LINE, Facebook, X) ตอนต้นและท้ายบทความ

เริ่มตั้งค่าแคมเปญแรก (Step‑by‑step) พร้อมค่าตั้งต้นแนะนำ

ก่อนเริ่ม: ติดตั้ง GA4 ให้ครบ (ติดตั้งผ่าน gtag.js หรือ GTM), สร้าง Events/Conversions พื้นฐาน เช่น submit_lead, purchase, add_to_cart และเปิดใช้งาน Consent Mode v2 ให้สอดคล้อง PDPA ก่อนเก็บข้อมูลจริง (อ่านคู่มือภาพรวมเพิ่มเติม: วิธีทำ Google Ads อย่างมืออาชีพ เพิ่มยอดขายด้วยการยิงแอดกูเกิล — https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/)

ขั้นตอนใน Google Ads (Search)

  1. Create New Campaign → เลือก Goal: Leads หรือ Sales (เลือกให้ตรงกับ Conversion หลัก)
  2. Campaign type: เลือก Search เพื่อไล่จับความต้องการที่มีอยู่แล้ว
  3. Conversion goal: เลือก Goals ที่ซิงก์จาก GA4/Google Ads (เช่น submit_lead หรือ purchase) และติ๊กใช้สำหรับ Bidding
  4. Daily budget: เริ่ม 300–1,000 บาท/วัน (SMB) ทดสอบอย่างน้อย 7–14 วันเพื่อให้ระบบเรียนรู้
  5. Location & Language: Target ประเทศไทย; ภาษาไทย (เพิ่มอังกฤษถ้ากลุ่มเป้าหมายค้นหาภาษาอังกฤษ)
  6. Networks: ปิด Search Network partners ช่วงเริ่มต้น เพื่อทดสอบบน Google Search ล้วน ๆ
  7. Bidding:
    – ถ้ามี Conversion ≥15–30 ครั้ง/30 วัน: เริ่ม Maximize Conversions (หรือ tCPA ถ้ามี CPA เป้าหมายชัด)
    – ถ้ายังใหม่: เริ่ม Manual CPC หรือ Maximize Clicks พร้อมตั้ง CPC เพดานตามอุตสาหกรรม (แนวทางเริ่มต้น: Brand 3–10 บาท, Generic SMB 10–35 บาท, B2B/แพง 35–120 บาท — ปรับตามข้อมูลจริง)
  8. Ad schedule: เปิด 24/7 ช่วงแรก เก็บข้อมูล แล้วค่อยบีบช่วงเวลาที่คอนเวอร์ชันสูง
  9. Ad groups: จัดกลุ่มคีย์เวิร์ดเฉพาะเจาะจง 5–15 คำ/กลุ่ม ใช้ Phrase/Exact เป็นหลัก แยกธีมตามบริการ/เจตนา เช่น “ฟันปลอม”, “จัดฟันใส”
  10. Negative keywords: ใส่คำกว้างที่ไม่ตรงเจตนา เช่น ฟรี, งาน, วิธีทำเอง, ดาวน์โหลด, pantip (ปรับตามธุรกิจ)
  11. Responsive Search Ads (RSA): เขียน 8–12 Headlines + 4–6 Descriptions ใส่คีย์เวิร์ดหลัก, Value Prop ชัด (ราคา/รับประกัน/ผ่อนชำระ), ความน่าเชื่อถือ (รีวิว 4.8★/ได้รับการรับรอง), และ CTA ชัดเจน (“จองคิววันนี้”) ปักหมุด H1/Path เฉพาะเมื่อจำเป็น
  12. Assets (แนะนำให้มีตั้งแต่วันแรก):
    – Sitelinks: ราคา, บริการ, รีวิว, โปรโมชัน
    – Callouts: ส่งฟรี, ผ่อน 0%, ทีมผู้เชี่ยวชาญ
    – Structured snippets: หมวดบริการ/แบรนด์
    – Image assets: ภาพแนวนอน/สี่เหลี่ยมตามสเปก Google
  13. Tracking template/UTM: ?utm_source=google&utm_medium=cpc&utm_campaign={Campaign} (เสริม: &utm_adgroup={AdGroup}&utm_term={Keyword})
  14. Publish และตั้ง Rules/Alerts: แจ้งเตือนเมื่อใช้จ่ายรายวันเกิน X% ของงบ หรือ CPA สูงผิดปกติ; ส่งอีเมล/แอปแจ้งเตือนทีม

เคล็ดลับ

  • เริ่มจากคีย์เวิร์ดเจตนาสูงก่อน เช่น [จองคิวฟันปลอม ราคา] แล้วค่อยขยายไปคำกว้าง
  • แยก Brand campaign ออกจาก Generic เพื่อวัดผลและควบคุมงบได้ชัดเจน
  • ใช้ First‑party data ปรับเพดาน CPC/งบ และอัปเดต Benchmark ให้ตรงอุตสาหกรรมของคุณ
  • ปรับหน้า Landing Page ให้โหลดไว ชัดเจน และสอดคล้องกับคีย์เวิร์ด/โฆษณา เพื่อช่วยเพิ่ม Quality Score และอัตราการแปลง (ดูเพิ่มเติม: คู่มือการทำ On‑page SEO ที่ครบเครื่อง — https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/)

หมายเหตุสำหรับการเผยแพร่บทความฉบับจริง

  • เตรียมสกรีนช็อต UI Google Ads ภาษาไทย (2025) สำหรับทุกขั้นตอนและเบลอข้อมูลส่วนบุคคล
  • ใส่ลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์จริง (Sheets/PDF/GIF) ในส่วนทรัพยากร
  • ทดสอบตามนโยบายล่าสุดของ Google Ads และ PDPA/Consent Mode v2
  • เพิ่มปุ่มแชร์โซเชียล (LINE, Facebook, X) ต้น–ท้ายบทความ

ติดตั้งและทดสอบ Conversion Tracking (GA4, gtag.js, GTM)

อ่านภาพรวมและทิปเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าแคมเปญและโครงสร้างบัญชี: วิธีทำ Google Ads อย่างมืออาชีพ เพิ่มยอดขายด้วยการยิงแอดกูเกิล — https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/

ตัวเลือกการติดตั้งหลัก

A) เชื่อม Google Ads ↔ GA4 (แนะนำถ้ามี GA4 อยู่แล้ว)

  • ลิงก์บัญชี: GA4 Admin → Product links → Google Ads Links → เลือกบัญชี → Enable personalized advertising
  • ทำเครื่องหมายเหตุการณ์เป็น Conversion: GA4 → Admin → Conversions → New conversion event (เช่น generate_lead, purchase)
  • นำเข้าเข้า Google Ads: Google Ads → Tools → Conversions → New conversion action → Import → Google Analytics 4 → Web → เลือกเหตุการณ์ → Import as Primary
  • ตั้งค่า: Counting (Leads = One; Purchases = Every), Attribution = Data‑driven, Include in “Conversions” = On, ใส่ค่า value/currency ให้สอดคล้อง (THB)

B) ติดตั้งผ่าน Google Tag Manager (GTM)

  • ใช้เมื่อยังไม่เชื่อม GA4 หรืออยากยิง Tag Google Ads โดยตรงด้วย Conversion ID/Label
  • เหตุการณ์ที่แนะนำ (GA4 naming):
    • generate_lead (ฟอร์มสำเร็จ)
    • purchase (อีคอมเมิร์ซ ใส่ value, currency=”THB”, transaction_id)
    • add_to_cart, begin_checkout (ใช้ประกอบ tROAS/Remarketing)

ขั้นตอนแบบย่อ (GTM)

  1. เพิ่ม Google tag/GA4 Configuration ให้ทำงานทุกหน้า (Trigger: All Pages) และเปิด Auto‑tagging ใน Google Ads
  2. ตั้ง Trigger ฟอร์มหรือคลิกปุ่ม (เช่น Click class/ID บนปุ่มส่งฟอร์ม) → ส่ง event_name=generate_lead พร้อม parameters ที่ต้องใช้ (value, currency, form_id)
  3. สร้าง Tag: Google Ads Conversion Tracking (ใส่ Conversion ID/Label) หรือใช้ GA4 Event + Import ไปยัง Google Ads
  4. Preview ด้วย Tag Assistant → ทดสอบกรอกฟอร์มจริง/สั่งซื้อ → ตรวจดูว่า Event ยิงครบและมีค่า parameters (value, currency=THB, transaction_id) และตรวจใน GA4 DebugView
  5. Publish และรอข้อมูลไหล 24–72 ชม.

การตรวจสอบผล

  • ใน Google Ads: Tools → Conversions → ดูสถานะ Recording/Recent activity, ตรวจ Conversion diagnostics และดูแต่ละ Action ว่ามีค่าแปลง/มูลค่าเข้ามาหรือไม่
  • ใน GA4: Advertising → Attribution → Conversion paths และรายงาน Assisted conversions เพื่อตรวจบทบาทแต่ละช่องทาง

หมายเหตุด้านความเป็นส่วนตัว

  • ใช้ Consent Mode v2 ผ่าน GTM (Consent Initialization) ควบคู่แบนเนอร์คุกกี้ เคารพ PDPA; ตั้งค่าความยินยอม analytics_storage/ad_storage/ad_user_data/ad_personalization และส่งเฉพาะค่าที่จำเป็น หลีกเลี่ยง PII

ทริกและข้อควรระวัง

  • ฟอร์มหน้าเดียว/SPA: ใช้ History Change/Custom Event แทน Pageview
  • เลี่ยงนับซ้ำ: ตั้ง Counting = One สำหรับ Leads และใช้ Thank‑you page ที่ไม่ถูกแคช
  • Cross‑domain checkout: ตั้ง Cross‑domain ใน Google tag/GA4 และเปิด Auto‑tagging (gclid)

สำหรับบทความจริง: แนบสกรีนช็อต UI ภาษาไทยปี 2025 (ปิดข้อมูลส่วนตัว), ลิงก์ดาวน์โหลดเทมเพลต/เช็กลิสต์/สกรีนแคสต์ GIF และวางปุ่มแชร์ LINE/Facebook/X ต้น–ท้ายบทความ

ครีเอทีฟและ Landing Page ที่แปลง (เทมเพลต/สเปก)

ครีเอทีฟและ Landing Page ที่แปลง ต้อง “ชัด เร็ว น่าเชื่อถือ” ใช้เช็คลิสต์/เทมเพลตนี้เพื่อทำให้โฆษณาและหน้าปลายทางสอดคล้องกับเจตนาเสิร์ชและวัดผลได้จริง

Ad copy (Search) – เช็คลิสต์

  • Headline: ใส่คีย์เวิร์ดหลัก + คุณค่าเด่น + ตัวเลข/หลักฐาน เช่น “ติดตั้งโซลาร์ เริ่ม 39,900฿ | ผ่อน 0%”. เตรียม 8–15 หัวข้อสำหรับ RSA, ปักหมุดเฉพาะที่ต้องคงไว้
  • Description: ประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับ สิ่งที่รวม การันตี/รีวิว และ CTA ชัด “จองสำรวจฟรีวันนี้”
  • Path/URL: สั้น อ่านออก เช่น /solar/ราคา. ใช้ dynamic keyword insertion เฉพาะที่อ่านรู้เรื่อง
  • Assets: Sitelink/Call/Structured snippet/Price/Promotion เพื่อเพิ่ม CTR (ดูตัวอย่างการตั้งค่าและแนวทางใน “วิธีทำ Google Ads อย่างมืออาชีพ” https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/)

รูปภาพ/วิดีโอ (Display/YouTube)

  • ภาพ: 1200×1200, 1200×628, 300×300, 300×250, 728×90, 160×600; โลโก้คมชัด ตัวอักษรไม่เกิน 20–30% พื้นที่; พื้นหลังตัดกัน; รวมเวอร์ชันมืด/สว่าง
  • วิดีโอ: 15–30 วินาที; ฮุก 0–3 วินาทีแรก, แบรนดิ้งภายใน 5 วิ, ซับไตเติล, ปิดด้วย End card + CTA + URL/QR. เตรียมสั้น 6 วิ (Bumper) เพิ่มด้วย
  • เสียง: ทำให้เข้าใจแม้ปิดเสียง; ใช้ captions อัตโนมัติ+ตรวจทาน

Landing Page ที่แปลง

  • เร็ว: LCP < 2.5s, CLS < 0.1, INP < 200ms; บีบอัดภาพ, lazy-load, CDN, preload ฟอนต์ (ดูเทคนิค on-page เพิ่มเติมเพื่อเร่งความเร็วและปรับโครงสร้างคอนเทนต์ใน “คู่มือการทำ On-page SEO ที่ครบเครื่อง” https://ninjaseo.online/on-page-seo-guide/)
  • ข้อเสนอ: Headline ตรงเจตนา + จุดเด่น/ราคา/ดีล; ปุ่ม CTA สีตัดกัน; ฟอร์มสั้น 3–5 ช่อง (ชื่อ, โทร/LINE, อีเมล, ความต้องการ)
  • ความน่าเชื่อถือ: รีวิว/ดาว/ตรารับรอง, รูป/วิดีโอจริง, การรับประกัน, วิธีชำระเงิน/นโยบายคืนเงิน
  • Tracking: GA4 + Consent Mode v2 (PDPA); ตั้ง event cta_click, form_submit, call_click, line_click, scroll_50, view_pricing

เทมเพลตโครงสร้าง LP (บนลงล่าง)

  1. Hero: Headline + Benefit + CTA
  2. Proof: รีวิว/โลโก้ลูกค้า
  3. Offer: รายละเอียดแพ็กเกจ/ราคา/ตารางเทียบ
  4. How it works: 3 ขั้นตอนเริ่มต้น
  5. FAQ
  6. CTA ซ้ำ + ช่องทางแชท/LINE/โทร + Sticky contact bar

หมายเหตุ: อัปเดตตัวเลข Benchmark ตามอุตสาหกรรม/ข้อมูลลูกค้า, ตรวจนโยบาย Google Ads ล่าสุดก่อนเปิดใช้งาน และเตรียมสกรีนช็อต UI ปี 2025 กับลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์ในส่วนทรัพยากร; ใส่ปุ่มแชร์ LINE/Facebook/X ต้น–ท้ายบทความ

Optimize & Report: A/B testing, คำค้น/Negative, Bid/Creative, เช็คลิสต์รายสัปดาห์/เดือน

หลังปล่อยแคมเปญ 1–4 สัปดาห์ โฟกัส “สะสาง > ทดสอบ > ขยายผล” โดยเทียบกับ Benchmark ของอุตสาหกรรมหรือใช้ First‑party data ถ้ามี ดูแนวทางเพิ่มเติมใน “วิธีทำ Google Ads อย่างมืออาชีพ” (https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/)

เช็คลิสต์รายสัปดาห์

  • Search terms: ตรวจทุกสัปดาห์ (2–3 สัปดาห์แรกถี่เป็นพิเศษ) เพิ่ม Negative เช่น “ฟรี”, “งาน”, “สอน”, “ความหมาย” ฯลฯ ปรับชนิดคีย์เวิร์ด (Exact/Phrase) ให้ตรงเจตนา และขยายคีย์เวิร์ดที่ทำกำไร
  • RSA Creative: สัปดาห์เว้นสัปดาห์ ปลด/ปักหมุดบาง Headline เพื่อทดสอบ USP ต่างกัน (ราคา/การันตี/รีวิว) ใส่ Path ที่มีคีย์เวิร์ด และทวน Ad Strength โดยใช้ AI ช่วยระดมไอเดียข้อความ/ครีเอทีฟที่ตรงเจตนาผู้ค้นหาได้ด้วย (ดู AI Marketing: การตลาดยุคใหม่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ https://ninjaseo.online/introduction-to-ai-marketing/)
  • Budget Reallocation: ย้ายงบไปแคมเปญ/Ad group ที่ CPA ต่ำหรือ ROAS สูง ตรวจ Search top IS ถ้าสูญเสียเพราะงบ ให้เพิ่ม 10–30% ตัดงบส่วนที่ CPA แพงเกิน Benchmark/ข้อมูลจริง
  • Device/Location/Schedule: ใช้ bid modifiers เช่น +15% สำหรับมือถือที่ CVR สูง, −20% สำหรับจังหวัด/ช่วงเวลา CPA แพง ปิดตำแหน่ง/เครือข่ายที่ไม่คุ้ม

A/B Testing ตัวอย่าง

  • Landing page: ฟอร์มสั้น vs ยาว, Hero copy A vs B ติดตามด้วย GA4 (Engaged session, Submit) คง CPC ใกล้เคียงเพื่อความยุติธรรม
  • Ads: RSAs เน้นราคา vs เน้นการันตี ปักหมุด 1–2 หัวเพื่อแยกสารให้ชัด
  • ใช้ Google Ads Experiments แบ่งทราฟฟิก 50/50 14–21 วัน เกณฑ์ชนะ: CPA ลด ≥15% หรือ ROAS เพิ่ม ≥20%

รายงานรายสัปดาห์

  • KPI: CTR, CPC, CVR, CPA/ROAS, Search top IS พร้อมระบุจุดผิดปกติ (CTR ดรอป, CPC พุ่ง, CVR ลด, โฆษณาถูกปฏิเสธ, Conversion หาย)

รายงานรายเดือน

  • แนวโน้มและ Budget pacing เทียบแผน น้ำหนักช่องทาง (Search vs Remarketing) ข้อเสนอแนะไตรมาสหน้า: ขยายคีย์เวิร์ดผู้ชนะ, ธีมครีเอทีฟ, Smart Bidding (tCPA/tROAS), รายการผู้ชมใหม่/RAFM

เครื่องมือ

  • Google Ads Experiments, GA4 Explorations (cohort/funnel), Looker Studio Dashboard (แชร์ทีม/ผู้บริหาร)

ปฏิบัติการและคอมพลายแอนซ์

  • อัปเดต Benchmark ให้ตรงอุตสาหกรรม/ใช้ First‑party แทนค่าเฉลี่ย เตรียมสกรีนช็อตจริงจาก UI Google Ads (TH, 2025) ปิดข้อมูลส่วนบุคคล ตรวจนโยบายล่าสุด/Consent Mode v2 และ PDPA ก่อนสเกล และใส่ปุ่มแชร์ LINE/Facebook/X ต้น–ท้ายบทความ
  • ดาวน์โหลดเทมเพลต: Weekly KPI Sheet (Sheets), Dashboard (Looker Studio), A/B Log (PDF/GIF) ได้ในส่วนทรัพยากร

การแก้ปัญหา & นโยบายโฆษณา: โฆษณาถูกปฏิเสธ, QS ต่ำ, Click Fraud

โฆษณาถูกปฏิเสธ (Disapproved)

  • เปิด Policy manager (ตัวจัดการนโยบาย) เพื่อตรวจเหตุผลแบบละเอียด: การอ้างเกินจริง/รับประกันผล, การใช้เครื่องหมายการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต, เนื้อหาอ่อนไหว/ข้อกำหนดท้องถิ่น
  • แก้ไขข้อความโฆษณา, ส่วนขยาย, และหน้า Landing Page ให้สอดคล้องนโยบาย (ระบุเงื่อนไขโปรโมชันให้ชัด, เพิ่มนโยบายความเป็นส่วนตัว/ข้อมูลติดต่อ, ลบคำเกินจริง)
  • ส่งขอทบทวน (Request review) ใหม่ และเก็บบันทึก/สกรีนช็อตการแก้ไขไว้เป็นหลักฐานภายในทีม

Quality Score (QS) ต่ำ

  • ความเกี่ยวข้อง: แยกคีย์เวิร์ดเป็นกลุ่มแคบตามธีมเดียว เขียน Headline/Description ให้ตรงคำค้นและ Intent; ใช้การจับคู่ที่เหมาะสม (Exact/Phrase) และเพิ่ม Negative เพื่อกันคำไม่เกี่ยวข้อง
  • ประสบการณ์ LP: เพิ่มความเร็ว (Core Web Vitals), ทำข้อความ/CTA ให้ชัดเจน, จัดวางคอนเทนต์/ข้อเสนอให้สอดคล้องกับข้อความโฆษณา
  • CTR คาดการณ์: ทำ A/B test หัวข้อ/Benefit/Proof/CTA ให้แรงขึ้น และพิจารณาใช้คำแทรกไดนามิก (IF/Countdown/Keyword Insertion) อย่างเหมาะสม
  • เพิ่มเติม: ดูแนวทางโครงสร้างแคมเปญและตัวอย่างจริงใน “วิธีทำ Google Ads อย่างมืออาชีพ” ที่ https://ninjaseo.online/how-to-google-ads/

Traffic แปลก/คลิกลวง (Click fraud)

  • เปิดการป้องกันทราฟฟิกที่ไม่ถูกต้องอัตโนมัติ (Invalid traffic protection — ค่าเริ่มต้นของ Google)
  • ใช้ IP exclusions/Location exclusions เมื่อพบแพทเทิร์นผิดปกติ (ช่วงเวลา/อุปกรณ์/ภูมิภาค/ผู้เผยแพร่)
  • ตั้งกลยุทธ์เสนอราคาตามคอนเวอร์ชัน (tCPA/tROAS) และกำหนด Conversion ที่ตรวจสอบได้ เพื่อลดผลกระทบจากคลิกคุณภาพต่ำ

คำเตือน: การตลาดสายเทา/Black-hat เช่น โกงคลิกหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง มีความเสี่ยงถูกระงับบัญชีและผลทางกฎหมาย แนะนำปรึกษาความเสี่ยง/ทางเลือกที่ยั่งยืนกับทีม www.ninjaseo.online (อ่านเพิ่ม: จ้างทำ SEO สายเทา — ความเสี่ยงและวิธีเลือกบริการที่ปลอดภัย https://ninjaseo.online/hire-seo-services-gray-hat/)

หมายเหตุการใช้งานจริง

  • อัปเดตตัวเลข Benchmark ให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมของผู้อ่าน หรือใช้ First‑party data หากมี
  • เตรียมสกรีนช็อตจริงจาก Google Ads UI ภาษาไทย (ปี 2025) สำหรับขั้นตอนสำคัญ และปิดข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเผยแพร่
  • ใส่ลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์จริง (Sheets/PDF/GIF) ในส่วนทรัพยาก